“…การได้มาซึ่งพลังงานนิวเคลียร์แบบหลอมรวมก็หมายถึงการได้มาซึ่งพลังงานนิรันดร ผลิตขึ้นใช้ได้อย่างไม่หมดสิ้น จีนก็มาทีหลัง แต่กลับมีผลงานโดดเด่น โดยเฉพาะเครื่องโทคาแม็กหรือดวงอาทิตย์เทียมสองแห่งที่มณฑลอันฮุยและซื่อชวน สามารถสร้างพลังร้อนพอที่จะก้าวเข้าสู่การหลอมรวมของนิวเคลียสธาตุไฮโดรเจน เพื่อกรุยทางไปสู่การใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้น ผลิตกระแสไฟฟ้าให้ชาวโลกได้ใช้ถ้วนหน้า ขณะที่สหรัฐฯ เลือกวิธียิงแสงเลเซอร์สร้างความร้อนและความดันบีบให้นิวเคลียสของธาตุเชื้อเพลิงหลอมรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่กลับไม่สามารถประกาศวันเวลาที่ชัดเจนว่าจะสามารถผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าได้เมื่อไหร่ เมื่อเปรียบเทียบศักยภาพโดยรวมระหว่างตะวันตกกับจีนแล้ว จีนมีโอกาสเข้าเส้นชัยได้ตามเวลาที่กำหนด ขณะที่สหรัฐฯ กับพวกมีแต่ความไม่แน่นอน ได้แต่โหมกระพือข่าวที่จริงบ้างไม่จริงบ้างไปวันๆ…”
อุเบกขาพาเพลิน 客观观赏
บทนี้ผู้เขียนขอพาท่านดูภาพรวมกว้างๆ แล้วก็จะเห็นความจริงที่เป็นอยู่(客观)ชัดเจนยิ่งขึ้น
จีนประกาศชัดว่าจะส่งคนไปลงดวงจันทร์ก่อนปี คศ.2030 และจะผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์แบบหลอมรวม(核聚变 nuclear fusion)ภายในปี คศ.2049 นับเป็นการกำหนดเป้าหมายแห่งอนาคตของมวลมนุษยชาติที่ทั่วทั้งโลกรอคอย เพราะเมื่อมองในเส้นทางการวิวัฒนาการของอารยธรรมโดยรวมของมวลมนุษยชาติแล้ว มันเป็นหลักหมายสำคัญที่บ่งชี้ถึงการก้าวไปสู่อนาคตอันยาวไกลร่วมกันของชาวโลกโดยรวม
การไปตั้งฐานบนดวงจันทร์ ก็คือก้าวแรกของการขยายขอบเขตชีวิตของมนุษย์เข้าสู่ระบบสุริยะทั้งระบบ และการได้มาซึ่งพลังงานนิวเคลียร์แบบหลอมรวมก็หมายถึงการได้มาซึ่งพลังงานนิรันดร ผลิตขึ้นใช้ได้อย่างไม่หมดสิ้น
อีกทั้งจีนที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในเรื่องความน่าเชื่อถือบนเวทีโลก เป็นผู้ประกาศเป้าหมายยิ่งใหญ่นี้ ย่อมหมายถึงว่าเมื่อถึงเวลานั้น มนุษย์เราก็จะก้าวไปข้างหน้าได้อีกก้าวใหญ่พร้อมๆกันได้จริง
คงต้องถามเหมือนกันว่า แล้วสหรัฐฯและประเทศ อื่นๆ ที่เจริญแล้ว เช่นอียู ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น จะไม่ทำแบบเดียวกับจีนหรือ ?
ทำนะทำ และส่วนใหญ่ทำมาก่อนจีนด้วยซ้ำไป แต่ดูท่าทีไม่น่าไว้วางใจ เพราะดูจากประวัติในอดีตและพฤติกรรมแสดงออกในปัจจุบัน กลุ่มประเทศทุนนิยมตะวันตกเหล่านี้เป็นพวกชอบปล้นชอบชิง ถือเอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง สร้างความยิ่งใหญ่ของตัวเองขึ้นมาบนฐานของการทำลายผู้อื่น เข่นฆ่าขูดรีดต่อเนื่องมานานนับหลายร้อยปี
ในอดีต การพัฒนาวิทยาการด้านอวกาศ สหรัฐฯก็มุ่งหมายเอาชนะสหภาพโซเวียตเป็นสำคัญ เมื่อประสบชัยชนะด้วยการส่งคนไปลงดวงจันทร์เมื่อปี คศ.1969 แล้วก็เลิกล้มไปเฉยๆ จนกระทั่งมาถึงวันนี้เมื่อจีนพัฒนามาถึงระดับที่สามารถส่งคนไปลงดวงจันทร์แล้ว สหรัฐฯจึงได้ประกาศแผนส่งคนไปลงดวงจันทร์อีกครั้งหนึ่ง โดยตั้งเป้าว่าถึงอย่างไรก็จะต้องลงได้ก่อนจีน ซึ่งเป็นเป้าหมายเฉพาะที่แคบมาก นั่นคือการคิดแต่จะเอาชนะจีน ไม่ยอมให้จีนทำได้สำเร็จก่อน ซึ่งต่างจากจีนที่มุ่งพัฒนากิจกรรมอวกาศเพื่อกรุยทางไปสู่การขยายตัวของมวลมนุษยชาติไปสู่อนาคตอันยาวไกล โดยจีนยินดีทุ่มเททรัพยากรทุกด้านเพื่ออนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ
ด้วยเจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์และศักยภาพโดยรวมของจีนยุคใหม่ทำให้จีนประสบความสำเร็จเป็นขั้นๆตามที่กำหนดไว้ล่วงหน้าทุกประการ เช่นมีสถานีอวกาศของตนเอง มีระบบการสื่อสารทางอวกาศของตนเอง ตลอดจนความก้าวหน้าในแทบทุกด้านที่จำเป็นทางด้านอวกาศ ซึ่งความสำเร็จที่ได้มานั้นเกิดขึ้นท่ามกลางการปิดล้อมอย่างหนักจากโลกตะวันตก
ส่วนการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชันนั้น จีนก็มาทีหลัง แต่กลับมีผลงานโดดเด่น โดยเฉพาะเครื่องโทคาแม็กหรือดวงอาทิตย์เทียมสองแห่งที่มณฑลอันฮุย (EAST) และซื่อชวน (环流三号)สามารถสร้างพลังร้อนพอที่จะก้าวเข้าสู่การหลอมรวมของนิวเคลียสธาตุไฮโดรเจน เพื่อกรุยทางไปสู่การใช้พลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นผลิตกระแสไฟฟ้าให้ชาวโลกได้ใช้ถ้วนหน้า
ขณะที่สหรัฐฯเลือกวิธียิงแสงเลเซอร์สร้างความร้อนและความดันบีบให้นิวเคลียสของธาตุเชื้อเพลิงหลอมรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่กลับไม่สามารถประกาศวันเวลาที่ชัดเจนว่าจะสามารถผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าได้เมื่อไหร่
ความอึมครึมของโลกตะวันตก เทียบไม่ได้กับความชัดเจนของจีน สะท้อนถึงความมั่นใจของจีนในการที่จะทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย โดยพลิกทุกวิกฤตเป็นโอกาส ดังที่เป็นมาแล้วในหลายๆด้าน เช่นการสร้างสังคมที่ปลอดคนจน การพัฒนาพลังงานใหม่ เพื่อบรรลเป้าหมายการลดคาร์บอน แก้ปัญหาโลกร้อน ซึ่งทำให้จีนผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานใหม่แบบครบวงจร
มาถึงวันนี้ เมื่อเปรียบเทียบศักยภาพโดยรวมระหว่างตะวันตกกับจีนแล้ว ผู้สันทัดกรณีทุกรายก็จะสามารถฟันธงได้ไม่ยากว่า เมื่อมองในมุมของการแข่งขัน จีนมีโอกาสเข้าเส้นชัยได้ตามเวลาที่กำหนด ขณะที่สหรัฐฯ กับพวกมีแต่ความไม่แน่นอน ได้แต่โหมกระพือข่าวที่จริงบ้างไม่จริงบ้างไปวันๆ
ความนิ่งและแน่นอนกว่าเป็นของจีนอย่างเห็นได้ชัด
แต่ที่แน่และก็แน่ที่สุดก็คือ ไม่ว่าใครจะทำได้ก่อนหรือหลังอย่างไร จีนก็จะดำเนินไปตามแผนที่วางไว้เป็นหลักใหญ่ ไม่ไขว้เขวจนเสียหลักแต่ประการใด
ไขคำจีน