วันอังคาร, พฤศจิกายน 26, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มลาวมือ “คริปโต” ประจำแก๊งหลอกลงทุนเทรดหุ้นตามปฏิบัติการ Anti Online Scam (AOC)

Related Posts

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบหนุ่มลาวมือ “คริปโต” ประจำแก๊งหลอกลงทุนเทรดหุ้นตามปฏิบัติการ Anti Online Scam (AOC)

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก.,
พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล, พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร
รอง ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ,
พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ และ พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล สว. กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.ศิการ ไม้คู่
รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม MR.SOMNEUK อายุ 27 ปี สัญชาติ-ลาว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา
ที่ 3627/2566 ลง 24 ต.ค.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกง
ประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน”

สถานที่จับกุม จุดตรวจบุคคลและพาหนะสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมเกี่ยวกับการหลอกลงทุนออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามปฏิบัติการ Anti Online Scam (AOC) เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.
ได้จับกุมผู้ต้องหาที่มีพฤติการณ์เกี่ยวกับการหลอกลงทุนและแก็งคอลเซ็นเตอร์ โดยจาการสืบสวนหาข่าวพบ
MR.SOMNEUK สัญชาติลาว อยู่บริเวณจุดตรวจบุคคลและพาหนะ สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย จึงได้ดำเนินการจับกุม ซึ่งผู้ต้องหาดังกล่าว เป็นผู้ต้องหาสำคัญในคดีที่มีการหลอกลงทุนเทรด
หุ้นผ่านเฟซบุ๊กที่มีการชักชวนต่อสาธารณะ โดยนำเสนอรูปแบบการลงทุนต่างๆ ที่มีการการันตีผลตอบแทนสูงภายในระยะเวลา 5 – 20 นาที ซึ่งกลุ่มคนร้ายมีการแอบอ้างและปลอมเพจของบริษัททองชื่อดัง ทำให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนจนเกิดความเสียหายหลายล้านบาท โดยผู้ต้องหาดังกล่าว มีหน้าที่สำคัญเป็นผู้นำเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายไปทำการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ผ่านบัญชีของผู้ต้องหากับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์
ดิจิทัลทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเป็นการถ่ายเงินให้กับกลุ่มขบวนการหลอกลงทุน จากการตรวจสอบบัญชี พบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารมากกว่า 180 ล้านบาท โดยหลังจากการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมพบข้อมูลว่า ผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามาใน
ประเทศไทย เมื่อกลางปี 2566 เพื่อทำการเปิดบัญชีธนาคารในประเทศไทย โดยใช้เป็นบัญชีซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี หลังจากนั้นเดินทางกลับไปที่ประเทศลาว เพื่อทำการดำเนินการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีให้กับกลุ่มขบวนการหลอกลงทุนอยู่ที่ประเทศลาว

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบี้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่าเป็นผู้เปิดบัญชีธนาคาร ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจริง
เตือนภัย ปัจจุบันมีการหลอกลวงลงทุนในหลายรูปแบบ ซึ่งมักแอบอ้างธุรกิจและให้ผลตอบแทนสูง,
มีการสร้างความน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ยาก ซึ่งก่อนลงทุนควรตรวจสอบธุรกิจต่างๆ ด้วยความรอบคอบหากมีการจดทะเบียนบริษัทสามารถตรวจสอบได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหากมีการอ้างบริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์หรือผู้แนะนำ การลงทุนเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นสามารถตรวจสอบได้กับสำนักงาน ก.ล.ต. ทั้งนี้
หากท่านมีเบาะแสในเรื่องการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงหรือน่าเชื่อว่าเป็นเพจปลอมเกี่ยวกับการลงทุนสามารถแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุ หรือแจ้งเบาะแสมายังกอ งบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. โทร. 08 5828 9599

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts