เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ต่อสายสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และมีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนจากการหารือกว่า 1 ชั่วโมง
สำนักประธานาธิบดีรัสเซียระบุว่า ผู้นำจีนและรัสเซียต่างประณามนโยบายของสหรัฐฯ ที่มักจะแทรกแซงกิจการภายในของรัฐอื่นๆ โดยผู้นำทั้งสองตระหนักดีว่าสหรัฐฯ กำลังดำเนิน ‘นโยบายการกักกันแบบคู่’ ต่อทั้งสองประเทศในทางปฏิบัติ
ชาติตะวันตกเริ่มจับตามองการพยายามขยายอิทธิพลไปทั่วโลกของทั้งรัฐบาลมอสโกและปักกิ่งในช่วงสองปีที่ผ่านมา และมองว่าการที่รัสเซียและจีนเพิ่มความสัมพันธ์ในด้านการค้าและการป้องกันประเทศ เป็นข้อกังวลอย่างยิ่ง
นับตั้งแต่ชาติตะวันตกโจมตีรัสเซียด้วยการคว่ำบาตรจากกรณีโจมตีทางทหารต่อยูเครน รัฐบาลมอสโกก็มองว่าจีนจะมีบทบาทสำคัญในการต่อชีวิตทางเศรษฐกิจของตน
ขณะเดียวกัน การตอบรับของรัฐบาลปักกิ่งก็ทำให้จีนได้รับประโยชน์จากการนำเข้าพลังงานราคาถูกของรัสเซียเช่นเดียวกัน และการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติอันกว้างใหญ่ รวมถึงการขนส่งก๊าซอย่างต่อเนื่องผ่านท่อส่งก๊าซ Power of Siberia
ทั้งนี้ การค้าระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยมีมูลค่าถึง 240,100 ล้านดอลลาร์ในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 26% ตามข้อมูลของศุลกากรจีน
ย้อนไปก่อนหน้านี้ รัฐบาลปักกิ่งและมอสโกเพิ่งประกาศความร่วมมือแบบไม่มีขีดจำกัด และหลังจากนั้นรัสเซียได้เปิดฉากการโจมตีทางทหารเต็มรูปแบบต่อยูเครน แต่ทั้งสองประเทศก็ยังคงจับมือกันแน่นแม้ว่าประเทศตะวันตกส่วนใหญ่จะหันหลังให้กับรัสเซียก็ตาม
ขณะที่จีนเองก็ถูกสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะประเด็นทางการค้าและการทหาร แต่ดูเหมือนว่าสหรัฐฯนั้นไม่ได้มองดูตัวเองเลยว่าต้องการสร้างสงครามตัวแทนในประเทศพื้นที่ใดบ้างเพื่อให้ตัวเองนั้นอยู่รอด หรืหากมีสงครามก็จะใช้พื้นที่ประเทศอื่นในการก่อสงครามมายังสม่ำเสมอ
“ในการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประธานาธิบดีรัสเซียยืนยันจุดยืนเชิงหลักการของเขาในประเด็นไต้หวัน ซึ่งก็คือการสนับสนุนนโยบายจีนเดียว” สำนักประธานาธิบดีรัสเซียระบุ และเสริมว่าผู้นำจีนยังอวยพรให้ปูตินโชคดีในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึง.