วันอังคาร, พฤศจิกายน 26, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมหมัด “ต่อ” หมัด”

Related Posts

หมัด “ต่อ” หมัด”

“… ขบวนการบุกรุกพื้นที่ป่าเขาใหญ่ครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดแน่นอน เป็นความตั้งใจของผู้มีบารมี มีอำนาจสั่งการและรู้วิธีการที่จะยึดพื้นที่ป่าอย่างถูกกฎหมาย จึงสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ดำเนินการแบบลับๆ ไม่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายไหนรับรู้เลย ทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าของพื้นที่ และชาวบ้านที่อยู่อาณาบริเวณนั้น ว่าจะมีการกำหนดเขต ส.ป.ก.ในพื้นที่ป่าเขาใหญ่ดังกล่าว อีกทั้งมีรายชื่อบุคคลที่ครอบครอง ก็นำมาเองสำเร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นใครก็ไม่รู้ ผิดปกติจากวิธีปฏิบัติของระบบราชการโดยสิ้นเชิง ใครคือไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง ใครคือมาเฟียระดับชาติ เรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่าไม่อยากรู้หรือ? ว่าใครบังอาจสั่งการหน่วยงานใต้สังกัดตนเอง กระทำการที่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย บุกรุกพื้นที่ป่า เสี่ยงต่อการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไอ้โมงคนนี้ มาเฟียคนนี้เป็นใคร? ท่านไม่อยากรู้หรือ?  ท่านต้องตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของท่านตามอำนาจหน้าที่ที่ท่านมีอยู่ ..อย่ารอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ป.ป.ช. ลงมาตรวจสอบเลย..เดี๋ยวจะตายยกเข่งนะจะบอกให้…”

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกรณี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ตรวจพบว่าในพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถางป่า ต่อมาได้มีการตรวจสอบโดยละเอียด พบเจอหลักหมุด ส.ป.ก. จำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อุทยานงงงวยว่า อยู่ๆ จะมีหมุดของ ส.ป.ก. มาปักในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้อย่างไร  เจ้าหน้าที่อุทยานจึงได้มีการสอบถาม นายกิติศักดิ์ พรหมพินิจ ผู้ใหญ่บ้านเหวปลากั้ง หมู่ที่ 10 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งให้คำตอบว่า ส.ป.ก. จะประกาศชื่อ ผู้มีสิทธิ์ได้ที่ทำกินในเขต ส.ป.ก. จำนวน 3 ชื่อ ซึ่งตรวจสอบแล้วไม่ใช่คนในหมู่บ้าน ไม่รู้เป็นใครมาจากไหน ก็อยากจะมาสอบถามทางอุทยานเขาใหญ่เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น  ทางอุทยานก็ไม่ทราบ จึงไปหาข้อมูลที่ ส.ป.ก.โคราช ปรากฏว่าไม่มีความชัดเจนว่าคนที่ประกาศรายชื่อครอบครองที่ดินนี้เป็นใคร และจะได้ที่ดินตรงไหน ทำผู้ใหญ่บ้านเกิดความสับสนว่า เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

แถมต่อมามีคนแอบประกาศ ชื่อ ผู้มีสิทธิ์ในที่ดิน ส.ป.ก. อีกฉบับ แต่คราวนี้ ประกาศชื่อ เดิม คือ 3 คน ที่ผู้ใหญ่บ้านไม่รู้จัก และมีชื่อเพิ่ม มาอีก 2 คน ก็ไม่รู้จักเช่นกัน ประกาศนี้ทางผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน  กำนัน ไม่มีใครเคยเห็นเลย  ผ่านไป 30 วันจึงไม่มีคนคัดค้านตามกฎหมาย  นั่นหมายความว่าออก ส.ป.ก.ได้ ดังนั้นจึงมีหมุด ส.ป.ก. มาปักในเขตอุทยานฯ เขาใหญ่เพิ่มอีก หัวหน้าอุทยานฯ เขาใหญ่ ได้ทำหนังสือสอบถามไปยัง ส.ป.ก.โคราช ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็ไม่มีคำตอบ

เรื่องนี้มาถึงมือ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร แห่งสำนักอุทยานฯ ทีมพญาเสือ จึงได้ส่งทีมงาน เดินปูพรมเข้า ตรวจสอบก็พบว่า มีหมุดของ ส.ป.ก.มาปักในเขตอุทยานฯ เขาใหญ่ถึง 27 หมุด และยังมีป้าย มาประกาศแสดงความเป็นเจ้าของ มีรูป เอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. ชัดเจน มีชื่อ เจ้าของสิทธิ์ และ ชื่อเจ้าหน้าที่ลงนามชัดเจนด้วย เป็นความผิดปกติชัดเจนมาก นายชัยวัฒน์ ถึงกับพูดออกมาว่า หมุดนิรนามของ ส.ป.ก. ที่รุกเขาใหญ่นี้ “เป็นขบวนการ ยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ โดยเจตนา” พยายามจะยึดพื้นที่ป่าเขาใหญ่กว่า 2,933 ไร่ พร้อมทั้งทำรายงานชี้แจงผู้บังคับบัญชาระดับสูง และแจ้งความดำเนินคดี  อีกทั้งเปิดภาพแฉยับ ถึงขบวนการทำผิดกฎหมายครั้งนี้

จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่รื้อถอนหลักหมุดเขต ส.ป.ก 27 หมุด เสาหลักเขต จำนวน 5 ต้น และ รื้อถอนต้นมะม่วงที่เพิ่งปลูกไว้หลอกๆ ออกไป พร้อมทำบันทึกการตรวจยึด แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อสืบสวนสอบสวนและนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ทั้งนี้ตลอดเส้นทางที่เดินถอนหมุด ส.ป.ก. ก็พบ ร่องรอยของช้าง และกระทิงตลอดทาง เป็นเหตุให้ยิ่งสงสัยว่า จะมีใครกล้ามาทำกินในพื้นที่นี้ได้

ขณะเดียวกัน ทีมพญาเสือ ได้ตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ของสำนักจัดการแผนที่และสารบบที่ดิน พบว่ามีการกำหนดพื้นที่สำหรับการปฏิรูปที่ดิน (เส้นสีเขียวที่ตีผังในแผนที่) มากถึง 2,933 ไร่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่แล้ว มีการตีเป็นรูปแปลงเพื่อออกเอกสาร ส.ป.ก.4-01 ถึง 42 แปลง เนื้อที่ประมาณ 972 ไร่ และยังพบรายชื่อบุคคลผู้ได้รับคัดเลือกให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01) พบว่าไม่ใช่ผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก ซึ่งไม่เข้าข่ายการเป็นเกษตรกร จึงสอบถามไป ส.ป.ก. จ.นครราชสีมา อีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้คำตอบเช่นเดิม

เรื่องราวทำท่าบานปลายใหญ่โต ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ดูแลหน่วยงาน ส.ป.ก. จึงต้องลงพื้นที่ด้วยตนเอง ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบถามกลับไปยังสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ที่ดำเนินการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน 

โดยหลังจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้รับฟังข้อมูลประกอบกับลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นได้แจ้งให้ สำนักงาน ส.ป.ก.จังหวัดนครราชสีมา อุทยานฯ เขาใหญ่ และประชาชนที่มีเอกสาร ส.ป.ก.หยุดดำเนินการทุกอย่าง รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ให้ชะลอการจับกุมชาวบ้านเอาไว้ก่อน รอจนกว่าจะได้แต่งตั้งคณะกรรมการ ระดับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมหาข้อตกลงกันก่อน คงใช้เวลาไม่นาน และได้กำชับเจ้าหน้าที่ว่าต้องพูดคุยกันด้วยเหตุผล อย่ามาทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะเจ้ากระทรวง 2 กระทรวง คือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อยู่พรรคการเมืองพรรคเดียวกันด้วย

ต่อมาตอนบ่ายของวันที่ 13 ก.พ. 67 ได้เข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าจังหวัดนครราชสีมา (คปป.จ.นม.) ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา มี นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รอง ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานในการประชุม จึงเกิดเหตุการปะทะคารมณ์ระหว่าง นายชัยวัฒน์ กับ ส.ป.ก.โคราช กลางที่ประชุม ณ ศาลากลาง จ.นครราชสีมา ถามชัดๆ ถึงเหตุที่ มี หมุด ส.ป.ก. มาโผล่ในพื้นที่อุทยานฯเขาใหญ่ โดยไม่มาสอบถามใดๆ  ถามไปก็ไม่ตอบ ไปเอาคนไหนมาถือสิทธิ์ในเขตป่า พร้อมโชว์แผนที่ตีแปลงสีเขียวทับเขตป่าสมบูรณ์ให้ดูกันชัดๆ ซึ่ง ทาง นายจีรศักดิ์ นายช่างรังวัด ก็พยายามอธิบายว่า มันเป็นมติของ ครม.ให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินให้เกษตรกร โดย ส.ป.ก. เป็นผู้ดำเนินการแต่ก็ตอบไม่ได้ว่า หมุดที่ นายชัยวัฒน์ ถอนมานั้นช่างคนไหนไปปัก ปัก ณ จุดใด รุกป่าหรือไม่ ขอสอบสวนก่อน

ด้าน นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นประธาน ก็พยายามหาทางออกให้ตั้งกรรมการชุดเล็กตรวจสอบเรื่องนี้ และขอให้ ส.ป.ก.ยุติการทำงานชั่วคราวจนกว่าความจริงจะปรากฏ แต่ นายชัยวัฒน์ ประกาศไม่รอ บอกตนแจ้ง ป.ป.ช. เรียบร้อยแล้ว ให้ทาง ส.ป.ก.โคราช ไปชี้แจงที่ศาลแล้วกัน การประชุมเกิดการปะทะคารมณ์กันดุเดือด โดยมีรองผู้ว่าฯ เป็นกรรมการบนเวที คอยห้าม ถกกันนานเกือบชั่วโมงก็ได้ข้อสรุปว่า “ให้ ส.ป.ก. จ.นครราชสีมา หยุดกระทำการใดๆ ในบริเวณพื้นที่พิพาท และให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อหาข้อยุติร่วมกัน” ขณะเดียวกันการสอบสวนของ ปปช. ก็ดำเนินไปคู่ขนานด้วยความจริงจะได้ปรากฏเร็ว

แต่ในเวลานั้น นายชัยวัฒน์ อารมณ์ได้ปะทุมาถึงจุดเดือดแล้ว ถึงกับประกาศว่า ผมไม่อยากจบ ผมอยากมีเรื่อง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมตะลึง เงียบกันหมด  “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมีเรื่องครับ จริงๆ ครับ ผมอยากมีเรื่องจริงๆ ผมพูดตรงๆ ครับ เพราะว่าทำแบบนี้มันไม่จบครับ ถ้าทำแบบนี้เคยตัวครับ ลูกน้องผม ไม่ว่าจะเป็นใคร ดูแลรักษาป่าน่ะเสี่ยงตายอยู่แล้ว แต่มาเจอกระบวนการของรัฐ ทำแบบนี้ไม่ได้ กระบวนการนี้ไม่ใช่เล็กๆ นะครับ มีมากกว่าที่ท่านประธานพูด คนๆ เดียวทำไม่ได้ครับ และไม่ใช่คนกลุ่มเดียวจะทำได้นะครับ มันมีมากกว่าคน 2 กลุ่ม 3 กลุ่ม มากมายเกินไปครับ หากจะแจ้งความผม ว่าผมลักทรัพย์ท่าน ก็เอาเลยครับ แต่วันนี้ผมแจ้งความดำเนินคดีย้อนหลังทุกราย ผมยินดีที่จะไปสู้กับท่านในศาล แต่ท่านก็ต้องเอาแบบนี้นะครับ วันนี้ไม่หยุดครับ ผมเรียนท่านประธานว่า มันไม่ไหวแล้วครับ ถ้าทำกันแบบนี้ ทุกคนก็มีหน้าที่ต้องปกป้อง ทุกคนอยู่ตาม พ.ร.บ.กรมอุทยาน แต่จะมาอ้างว่ามันไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวน ในพื้นที่ป่าไม้ถาวร สามารถดำเนินการได้ มันไม่ใช่นะครับ ถ้าเป็นป่า ท่านจะเอาใครไปอยู่ในป่าก็ไม่ได้ จะอยู่ในพื้นที่ที่ท่านไปขีดเขต ว่าเป็น ส.ป.ก. มาก่อนก็ไม่ได้ ถ้ามันเป็นพื้นที่ป่า…ต้องมีสำนึกครับ จะมาบอกว่าเป็นป่าสงวน ต้องผ่านมติอย่างโน้นอย่างนั้น ไม่ใช่ครับ สำนึกเท่านั้นครับที่ท่านต้องคิด จะเป็นป่าดีๆ จะเป็นป่าถาวร ป่าไม้ถาวร ป่า 2484 ท่านก็ไม่มีสิทธิจะเอาใครไปอยู่ในป่า ถูกไหมครับ จะมาบอกอย่างโน้นอย่างนี้ก็ไม่ได้ครับ ต้องมีสำนึกครับว่ามันเป็นป่าธรรมชาติ…”

ผู้สื่อข่าวที่ลงพื้นที่เห็นเหตุการณ์ครั้งนี้ วิเคราะห์ว่าขบวนการบุกรุกพื้นที่ป่าเขาใหญ่ครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดแน่นอน เป็นความตั้งใจของผู้มีบารมี มีอำนาจสั่งการและรู้วิธีการที่จะยึดพื้นที่ป่าอย่างถูกกฎหมาย จึงสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ดำเนินการแบบลับๆ ไม่มีเจ้าหน้าฝ่ายไหนในพื้นที่รับรู้เลย ทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านที่อยู่อาณาบริเวณนั้น ว่าจะมีการกำหนดเขตส.ป.ก.ในพื้นที่ป่าเขาใหญ่ดังกล่าว อีกทั้งมีรายชื่อบุคคลที่ครอบครอง ก็นำมาเองสำเร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นใครก็ไม่รู้ ผิดปกติจากวิธีปฏิบัติของระบบราชการโดยสิ้นเชิง

ใครคือไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง ใครคือมาเฟียระดับชาติ เรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่อยากรู้หรือ? ว่าใครบังอาจสั่งการหน่วยงานใต้สังกัดตนเอง กระทำการที่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย บุกรุกพื้นที่ป่า เสี่ยงต่อการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไอ้โมงคนนี้ มาเฟียคนนี้เป็นใคร? ท่านไม่อยากรู้หรือ?

หากตั้งใจที่จะจับผิด เอาตัวคนร้าย เอาคนผิดมาลงโทษ ท่านน่าจะฟังเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอย่างละเอียด ฟังเหตุผลผู้ใหญ่บ้านที่บอกว่า กว่า 60 ปีที่ป่าแห่งนี้เป็นป่าที่ไม่มีคนอยู่เลย อย่าพูดตัดบท เอากฎหมายมาปิดปากข้าราชการชั้นผู้น้อย อ้างเจ้านายใหญ่ระดับกระทรวง ระดับรัฐมนตรี แถมอ้างว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวกันซะอีก..ถ้ามีการทำความผิด เป็นใครก็ต้องถูกดำเนินคดี แม้แต่ลูกน้องตัวเองที่สุ่มเสี่ยงทำผิดกฎหมาย ท่านต้องตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของท่านตามอำนาจหน้าที่ที่ท่านมีอยู่ ..อย่ารอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปปช. ลงมาตรวจสอบเลย..เดี๋ยวจะตายยกเข่งนะ…จะบอกให้!!!!!

#สืบจากข่าว รายงาน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts