ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ,พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.พิสิทธิ์ เตชะรี สว.กก.สส.1ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1ฯ ชุดปฎิบัติการที่ 1 ดำเนินการ จับกุมตัว นายจินดาดวง อายุ 41 ปี ภูมิลำเนา แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพ
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” โดยจับกุมตัวได้ที่หอพักใน ซ.ลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ในคดีนี้ ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2567 ตนได้ทำการสั่งซื้อกระเป๋า ยี่ห้อกุ๊ชชี่ ผ่านทางมาร์เก็ตเพลส โดยใช้เฟซบุ๊คชื่อ Jindaduang Duangjinda เมื่อตกลงซื้อขายสินค้าแล้วผู้เสียหายกำลังจะส่งสินค้าให้ตน ก็จะส่งสลิปการโอนเงิน โดยเป็นสลิปที่ตนโหลดมาจากอินเตอร์เน็ต แล้วนำมาแก้ไขชื่อ แล้วส่งให้ทางผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ส่งสินค้าให้กับผู้ต้องหาไป ผู้เสียหายอ้างว่า เมื่อได้รับสินค้าแล้วก็จะนำไปขายตามร้านที่รับซื้อ โดยส่งผ่านแมสเซนเจอร์ แต่ทางร้านไม่รับซื้อเนื่องจากผู้เสียหายได้โพสต์เตือนภัยไว้ก่อนแล้ว แต่ตนก็ไม่ได้รับของคืนแต่อย่างได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ปักใจเชื่อแต่อย่างใด เนื่องจากเมื่อตรวจสอบประวัติเพิ่มเติมของนายจินดาดวงฯ แล้ว พบว่ามีประวัติก่อเหตุในลักษณะเดียวกันและถูกจับกุมมาแล้วหลายครั้ง
โดยครั้งล่าสุดถูกจับกุมตามหมายจับในข้อหาฉ้อโกงเมื่อประมาณปลายเดือนมกราคม คดี สน.ท่าข้าม ซึ่งปัจจุบันยังตรวจพบการเตือนภัยจากกลุ่มผู้ใช้โซเชี่ยลมีเดียหลายราย ตรวจสอบพบประวัติและพฤติการณ์เดิมๆ จำนวนมากเกี่ยวกับพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้ เช่นเมื่อเดือนธันวาคม 2566 ถูกจับกุมตามหมายจับโดยก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายเป็นหญิงสาววัย 40 ปี ติดต่อขอเช่าซื้อพระเครื่อง จากผู้เสียหายผ่านทางแอปพลิเคชั่นแมสเซนเจอร์ ซึ่งได้ทำสลิปการโอนเงินปลอม หลอกผู้เสียหายว่าได้โอนเงินแล้ว จากนั้นได้ให้พนักงานไรเดอร์ขับไปรับพระมาส่งให้ตนเอง ซึ่งผู้ต้องหาได้มีการส่งสลิปมาให้ดู แต่ไม่ทันได้สังเกตและกดเข้าแอปไปดู ก่อนจะติดต่อไม่ได้แล้วหลบหนีไป ก่อนถูกจับกุมตัวได้ นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายเดินทางมาชี้ตัวที่ สน.โชคชัย
นอกจากนี้นายจินดา เคยถูกจับกุมเมื่อปี 2560 พร้อมของกลาง พระเครื่องหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ พร้อมกล่อง จำนวน 1 องค์ พระเครื่องหลวงหลวงพ่อโสธร พร้อมกล่อง จำนวน 1 องค์ โทรศัพท์มือถือยี้ห้อโนเกีย จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือซัมซุง จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ G-LIVE จำนวน 1 เครื่อง และรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่น มีโอ สีม่วงดำ หมายเลขทะเบียน อบน-255-กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน อ้างชื่อบิ๊ก ตร. ตุ๋นเช่านาฬิกาหรูมูลค่าเกือบล้านโดยผู้ต้องหาได้หลอกให้มีการนัดหมายเดินทางมาส่งมอบพระเครื่องที่ประกาศขายในเว็บไซต์ชื่อดัง โดยคนร้ายทำทีโทรศัพท์เข้ามาติดต่อเช่าพระเครื่องหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ และพระเครื่องหลวงหลวงพ่อโสธร มูลค่ากว่า 800,000 บาท ของเหยื่อ เมื่อถึงตามเวลานัดหมายทางคนร้ายได้ใช้กลอุบายแจ้งว่า ได้โอนเงินเข้าบัญชีไปแล้ว จำนวน 770,000 บาท และส่งหลักฐานให้ดู จนเหยื่อหลงเชื่อจึงได้มอบพระเครื่องดังกล่าวให้
ต่อมามีผู้เสียหายอีกรายเข้าแจ้งความกับทาง ตำรวจ สน.โชคชัย อีก โดยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้โพสต์ขายนาฬิกา ยี่ห้อ โรเล็กซ์ รุ่น oysterflex BK M BLACK จำนวน 1 เรือน ราคา 645,000 บาท ผ่านทางเว็บไซต์ชื่อดัง ต่อมามีผู้ติดต่อขอซื้อ โดยอ้างว่ามีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยศ พ.ต.อ. เป็นผู้สนใจจะซื้อ แต่ให้เจ้าตัวติดต่อแทน จากนั้นคนร้ายทำเนียน โดยนัดให้ผู้เสียหายนำนาฬิกามาให้ดูที่ สน.โชคชัย ในวันดังกล่าว เมื่อมาถึงผู้เสียหายได้ยืนพูดคุยกับผู้ต้องหาที่ด้านข้าง สน.โชคชัย จากนั้นคนร้ายอ้างว่าจะนำนาฬิกาขึ้นไปให้ นายตำรวจ บน สน. ดูที่ห้องทำงานชั้น 2 และพาผู้เสียหายเข้ามาให้นั่งรอที่ด้านในห้องพนักงานสอบสวนเวร จากนั้นผู้ต้องหาก็เอานาฬิกาจากผู้เสียหาย และทำทีเดินขึ้นไปที่ห้องทำงาน ผ่านไปสักพักผู้ต้องหาก็ไม่ลงมา ผู้เสียหายจึงพยายามโทรศัพท์ติดต่อ ปรากฎว่าปิดเครื่องไปแล้วไม่สามารถติดต่อได้ และตามตัวไม่พบ ผู้เสียหายจึงสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่านายตำรวจที่ถูกอ้างชื่อคนดังกล่าว ได้ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่อื่นนานแล้ว
จากการตรวจสอบประวัติในฐานระบบ พบประวัติดังนี้
1)ปี 2556 ข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ของ สน. โชคชัย
2)ปี 2560 ข้อหา ตัวการลักทรัพย์ในเคหสถาน สถานที่ราชการ สน. โชคชัย
3)ปี 2560 ข้อหา ตัวการลักทรัพย์ สน.โชคชัย
4)ปี 2560 ข้อ ตัวการลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 , 335 , 335ทวิ โดยแต่งเครื่องแบบทหารหรือตำรวจ หรือแต่งกายให้เข้าใจว่าเป็นทหารหรือตำรวจ หรือโดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด สน.โชคชัย
5)ปี 2566 ข้อหา ตัวการฉ้อโกง สภ.สำโรงเหนือ
6)ปี 2567 ข้อหา ฉ้อโกง สน.ท่าข้าม
7)ปี 2567 ข้อหา ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น สน.ลาดพร้าว
จากนั้นได้นำตัว ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือน กลวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพมีหลากหลายกลวิธี รวมถึงมีการซื้อขายโปรแกรมแก้ไขข้อมูลสลิปโอนเงินบนแอปฯธนาคาร เพื่อปลอมสลิปการโอนเงิน ซึ่งข้อมูลบนสลิปปลอมดังกล่าว ดูคล้ายกับสลิปที่มีการโอนเงินจริง ไม่ว่าจะเป็น ชื่อผู้รับโอน วันที่ เวลา และจำนวนเงิน แนะนำพ่อค้าแม่ค้า ระวังกลโกง ปลอมสลิปโอนเงินผ่านมือถือ แนะตรวจสอบเทียบกับยอดแจ้งเตือนจากธนาคารทุกครั้ง หรือสแกน QR Code บน E-slip เพื่อความถูกต้อง