การเดินทางเยือน 3 ประเทศยุโรป ฝรั่งเศส เซอร์เบีย และฮังการี ของ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระหว่างวันที่ 6-10 พฤษภาคม 2004 ได้ยกระดับมิติทางเศรษฐกิจและการค้าของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ กับการเปิดตลาดจีนให้กว้างขึ้นสำหรับบริษัทจากยุโรปและประเทศอื่น ๆ รวมถึงร่วมกันต่อต้านความพยายามเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางธุรกิจให้เป็นประเด็นทางการเมือง
เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส รู้ดีว่าโลกใบใหม่ไม่เหมือนเดิมแล้ว ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสหรัฐจะต้องยอมรับหรือยอมจำนนต่อระเบียบโลกแบบหลายขั้ว โดยรองรับผลประโยชน์และข้อกังวลของมหาอำนาจใหม่ที่เกิดขึ้น ฝรั่งเศสต้องการจะอยู่ในระดับแนวหน้าของการเปลี่ยนแปลงระดับโลกดังกล่าวนี้ นำมาสู่การลงนามข้อตกลงความร่วมมือ 18 ฉบับกับจีน ครอบคลุมด้านต่าง ๆ เช่น การบิน เกษตรกรรม การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน การพัฒนาสีเขียว และความร่วมมือของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
ขณะที่ อเล็กซานดาร์ วูซิซ ประธานาธิบดีเซอร์เบีย ได้ลงนามกับผู้นำจีน เกี่ยวกับ “ชุมชนระดับโลกที่มีอนาคตร่วมกัน” พวกเขายกย่องความร่วมมืออันแข็งแกร่ง พร้อมประกาศเน้นย้ำว่าข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ของสองจีนกับเซอร์เบียที่จัดทำเมื่อปีที่แล้ว จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2024
เช่นเดียวกับ “ฮังการี” ได้ลงนามข้อตกลงกว่า 10 ฉบับ สร้างรถไฟ ถนน และพลังงานในฮังการี เพื่อให้ฮังการีเป็นประตูของจีนในการเข้าสู่ยุโรปตะวันออก ตามาช ชูโยก ประธานาธิบดีฮังการี พร้อมสานต่อมิตรภาพดั้งเดิม เพิ่มพูนความไว้วางใจทางการเมืองซึ่งกันและกัน ดำเนินความสัมพันธ์จีน-ฮังการีสู่ระดับสูงยิ่งขึ้น ขณะที่นายกรัฐมนตรี วิกเตอร์ ออร์บาน ยืนยันให้การสนับสนุนจีนในการตอบโต้ข้อกล่าวหาจากชาติตะวันตกว่าจีนผลิตสินค้าล้นเกินความต้องการของตลาด
การเยือนยุโรปของ “สี จิ้นผิง” ครั้งนี้ คือการส่งสัญญาณถึงอิทธิพลของจีนที่เพิ่มขึ้นในยุโรป และพยายามให้คนในประเทศจีนเห็นว่าพวกเขามีความสำคัญในเวทีโลก อีกทั้งยังเป็นการคานอำนาจความร่วมมือระหว่างยุโรปและสหรัฐอีกด้วย