“..การที่ประเทศจีนพัฒนาตัวเองได้เร็วและต่อเนื่องนานหลายสิบปี หนำซ้ำยังมีแนวโน้มยกระดับคุณภาพการพัฒนาสู่ระดับสูงขึ้นไปอีกอย่างยาวนานนั้น เป็นเพราะพวกเขาอยู่กับความจริง เข้าใจความจริงได้เร็ว ด้วยเหตุนี้ สมองของคนจีนจึงเปี่ยมไปด้วยพลวัตของความรู้ใหม่ปัญญาใหม่ คิดตามโลกและคิดล้ำโลกได้ไม่หยุดหย่อน โดยรัฐเป็นผู้ควบคุมการนำเสนอข่าวและข้อมูลอย่างเข้มงวด เพราะปัจจุบันนี้ช่องการสื่อสารมันอยู่ในมือของทุกคนอยู่แล้ว ไม่มีอำนาจใดมาปิดกั้นได้ แต่ที่ภาครัฐเขามีนโยบายกลั่นกรองการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ก็เพื่อไม่เปิดช่องให้ข้อมูลปลอมและข่าวเท็จเข้าทำลายกระบวนการรับรู้ของสังคมจีนโดยรวม เป็นการปกป้องคนจีนและประเทศจีนมิให้เสียโอกาสในการพัฒนาประเทศและเสริมสร้างชีวิตให้ก้าวหน้าและดีขึ้นเรื่อยๆ…”
สงครามการรับรู้ 认知战
อะไรเป็นอะไร? ทำไมเป็นเช่นนั้น?
สังคมใดสามารถเข้าถึงความจริงว่าอะไรเป็นอะไร? ทำไมเป็นเช่นนั้น? ได้ ในเวลาที่สั้นกว่า ก็จะสามารถพัฒนาตนเองได้เร็วกว่า นี่เป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของผู้เขียน ด้วยรู้สึกว่าการที่ประเทศจีนพัฒนาตัวเองได้เร็วและต่อเนื่องนานหลายสิบปี จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนี้ หนำซ้ำยังมีแนวโน้มยกระดับคุณภาพการพัฒนาสู่ระดับสูงขึ้นไปอีกอย่างยาวนานนั้น เป็นเพราะพวกเขาอยู่กับความจริง เข้าใจความจริงได้เร็ว โดยแต่ละฝ่ายในสังคมได้ทำหน้าที่นำเสนอความจริงที่พวกเขาเข้าถึงเผยแผ่สู่วงกว้างจนเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปอยู่เป็นนิจ และเมื่อใดที่ความรู้ความเข้าใจใหม่ๆ ได้ตกผลึกเป็นองค์ความรู้ ก็จะถูกบรรจุเข้าไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาขึ้นไปจนถึงระดับอุดมศึกษาเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ สมองของคนจีนจึงเปี่ยมไปด้วยพลวัตของความรู้ใหม่ ปัญญาใหม่ คิดตามโลกและคิดล้ำโลกได้ไม่หยุดหย่อน ประเทศจีนจึงมีอนาคตที่ทุกคนมองเห็นได้ ความเชื่อมั่นในตนเองของคนจีนจึงสูงขึ้นเรื่อยๆ
เราไม่ต้องบอกว่าที่จีนทำได้เช่นนั้นก็เพราะเลือกแต่เสนอสิ่งดีๆ ที่เป็นปัจจัยบวก โดยรัฐเป็นผู้ควบคุมการนำเสนอข่าวและข้อมูลอย่างเข้มงวด เพราะปัจจุบันนี้ช่องการสื่อสารมันอยู่ในมือของทุกคนอยู่แล้ว ไม่มีอำนาจใดมาปิดกั้นได้ แต่ที่ภาครัฐเขามีนโยบายกลั่นกรองการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ก็เพื่อไม่เปิดช่องให้ข้อมูลปลอมและข่าวเท็จเข้าทำลายกระบวนการรับรู้ของสังคมจีนโดยรวม เป็นการปกป้องคนจีนและประเทศจีนมิให้เสียโอกาสในการพัฒนาประเทศและเสริมสร้างชีวิตให้ก้าวหน้าและดีขึ้นเรื่อยๆ
ตรงกันข้ามกับประเทศจีน กลุ่มประเทศตะวันตกที่ยกย่องการสื่อสารเสรี เอาเข้าจริงก็เพียงกลบเกลื่อนการบิดเบือนความจริงของพวกเขาที่มีกลุ่มผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง ทำให้สังคมสับสนแยกผิดแยกถูกไม่ได้ เติมไปด้วยเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ปล่อยให้กลุ่มผู้ใช้อำนาจกระทำการที่ส่งผลเสียต่อประเทศชาติและชีวิตอนาคตของประชาชนซ้ำซาก เพียงเพราะเพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มทุนบางกลุ่ม เช่น เรื่องการใช้อาวุธปืนเข่นฆ่ากันรายวันของคนอเมริกัน ก็ถกเถียงกันไม่ตกฟาก หรือการหาเรื่องทะเลาะก่อความขัดแย้งไปตามจุดต่างๆ ของโลก ก็เพื่อให้กลุ่มทุนสงครามขายอาวุธทำกำไร
ทั้งหมดนั้นไม่ได้สร้างปัญญาให้แก่คนอเมริกันเลย ในหลักสูตรการเรียนการศึกษาก็เลอะเทอะไปด้วยความคิดแผลงๆ ที่ไม่ได้โน้มนำให้เยาวชนใฝ่ดีใฝ่ชอบ แต่ละเรื่องจะกลายเป็นข้อถกเถียงไม่สิ้นสุด เช่น จะให้เด็กอนุบาลกำหนดว่าตัวเองเป็นเพศหญิงหรือชาย
โดยภาพรวมสังคมอเมริกันกลายเป็นสังคมอลวนทั้งในสภาฯ ในสถาบันการศึกษา และในหมู่ประชาชน
ดูสภาพไม่แตกต่างจากเรือสำราญไททานิคที่กำลังจะจม คนทั้งลำเรือไม่รู้อะไรเป็นอะไร และไม่รู้เพราะเหตุใด
ลองไปถามนักศึกษาที่กำลังประท้วงตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ว่า ทำไมพวกเขาจึงสนับสนุนปาเลสไตน์ ไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขาไม่เอาด้วยกับการทำสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือ ทั้งๆ ที่รัฐบาลโจ ไบเดน และสื่อหลักอเมริกันพากันหนุนอิสราเอลกันเต็มที่
อาการป่วยทางสังคมเช่นนี้ ย่อมไม่มีวันเกิดขึ้นในประเทศจีน
มาถึงตรงนี้ผู้เขียนก็คงจะพอเดาใจท่านผู้อ่านได้แล้วว่า ต้องการให้สังคมไทยอยู่ในสภาพอะไร ทะเลาะกันไม่หยุด มีเรื่องเปิดโปงกันไม่หมดสิ้น หรือว่า เป็นสังคมที่อัดแน่นไปด้วยความจริงสร้างสรรค์ เอื้อต่อการต่อยอดเป็นองค์ความรู้ส่งต่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้สานต่อ เป็นปัญญาใหญ่ขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตได้อย่างมั่นอกมั่นใจ
ไขคำจีน
认知 เริ่นจือ การรับรู้