เหตุการณ์ความตึงเครียดล่าสุดในทะเลจีนใต้ คงมิอาจเกิดขึ้นหากปราศจากการเข้ามาแทรงแซงของสหรัฐฯ เห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯ ได้ยกระดับเกมของตนในการทำให้ฟิลิปปินส์กลายเป็นตัวหมากในแผนการขัดขวางจีน
นักการเมืองฟิลิปปินส์บางส่วน กำลังยั่วยุจีนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทะเลจีนใต้อย่างไม่ลดละ โดยไม่คำนึงถึงความยับยั้งชั่งใจและความปราถนาดีที่จีนมีให้เสมอมา
ในการดำเนินการยั่วยุครั้งล่าสุดที่ได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองบางส่วน เรือประมงที่ถูกตระเตรียมไว้ได้พยายามบุกรุกน่านน้ำเกาะหวงเหยียน ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูง เช่น ประธานวุฒิสภาฟิลิปปินส์และผู้นำฝ่ายกลาโหม ได้ไปเยือนเกาะจงเย่ที่ฟิลิปปินส์ยึดครองอยู่อย่างผิดกฎหมาย
การยั่วยุเหล่านี้ไม่คำนึงถึงความปราถนาดีและความยับยั้งชั่งใจของจีน และถูกขับเคลื่อนด้วยความทะเยอทะยานที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ตอบสนองผลประโยชน์ระยะยาวของฟิลิปปินส์
นับเป็นอีกครั้งแล้วที่ชาวประมงฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ยากจนที่สุดของประเทศ ถูกเอาเปรียบอย่างโหดร้าย เพื่อวาระของนักการเมืองบางคน โดย รอด คาปูนัน คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์มะนิลาสแตนดาร์ด (Manila Standard) ของฟิลิปปินส์ กล่าวไว้ว่าการยั่วยุครั้งล่าสุดคือ “หนึ่งในการแสดงออกที่เห็นแก่ตัวที่สุดของกลุ่มตัวแทนสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ที่ตักตวงประโยชน์จากชาวฟิลิปปินส์ผู้ยากไร้เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณาชวนเชื่อของสหรัฐฯ”
อาเซียน (ASEAN) และจีนกำลังทำงานเกี่ยวกับประเด็นทรัพยากรในทะเลจีนใต้เพื่อให้ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งฟิลิปปินส์อาจพลาดโอกาสนี้ หากยังคงขัดขวางสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
จีนจะเดินหน้าจัดการกับประเด็นปัญหาทางทะเลกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมต่อไป ผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ และร่วมรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้
ขณะเดียวกัน อธิปไตยในดินแดน สิทธิทางทะเล และผลประโยชน์ของจีนจะต้องไม่ถูกล่วงละเมิด และจีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงความมุ่งมั่นในการปกป้องสิทธิตามกฎหมายของตน
ระหว่างการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันพุธ (15 พ.ค.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุว่าเมื่อปี 2016 จีนได้ดำเนินการด้วยไมตรีจิตเพื่อให้ชาวประมงฟิลิปปินส์สามารถเข้าไปจับปลาด้วยเรือประมงขนาดเล็กจำนวนไม่มาก ในน่านน้ำที่ติดกับเกาะหวงเหยียน โดยที่จีนยังคงดูแลและติดตามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องของชาวประมงฟิลิปปินส์ตามกฎหมาย
หากฟิลิปปินส์ละเมิดความปราถนาดีของจีน และละเมิดอำนาจอธิปไตยและเขตอำนาจศาลของจีน จีนจะปกป้องสิทธิของตนและดำเนินมาตรการตอบโต้ตามกฎหมาย โดยฟิลิปปินส์จะต้องรับผิดชอบและรับผลที่ตามมาแต่เพียงผู้เดียว
เหตุการณ์ความตึงเครียดล่าสุดในทะเลจีนใต้ คงมิอาจเกิดขึ้นหากปราศจากการเข้ามาแทรงแซงของสหรัฐฯ เห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯ ได้ยกระดับเกมของตนในการทำให้ฟิลิปปินส์กลายเป็นตัวหมากในแผนการขัดขวางจีน
โกะคิงกี ประธานศูนย์นิว อินคลูซีฟ เอเชีย (Center for New Inclusive Asia) ระบุว่า แนวทางการเผชิญหน้าของฟิลิปปินส์ในการจัดการกับปัญหาทะเลจีนใต้นั้น สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การสกัดกั้นจีนของสหรัฐฯ
การสมรู้ร่วมคิดระหว่างสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ ซึ่งคุกคามสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ยังไม่เป็นที่นิยมชมชอบในภูมิภาค ดังจะเห็นได้จากรายชื่อนานาประเทศทั่วโลกที่สนับสนุนการอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้ของฟิลิปปินส์อย่างเปิดเผย ซึ่งรวบรวมโดยฟิลิปปินส์ ทว่าในรายชื่อเหล่านั้นไม่มีประเทศในกลุ่มอาเซียนแม้แต่เพียงประเทศเดียว
“การแทรกแซงของประเทศต่างๆ นอกภูมิภาค อย่างเช่นสหรัฐฯ มีแต่จะยิ่งทำให้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้เลวร้ายลง” เวโรนิกา สรัสวตี นักวิจัยอาวุโสประจำศูนย์คลังสมองเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์และการต่างประเทศชั้นนำของอินโดนีเซียกล่าว
ด้านโจเซฟ แมทธิวส์ ศาสตราจารย์อาวุโสจากมหาวิทยาลัยนานาชาติเบลเตย์ (BELTEI) ในกรุงพนมเปญ กล่าวว่า สหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังสร้างความปั่นป่วน ความไม่แน่นอน และความไม่มั่นคงทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยการสนับสนุนพฤติกรรมยั่วยุของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้
นักการเมืองฟิลิปปินส์ที่ปลุกปั่นข้อพิพาทและความไม่ไว้วางใจ ต้องตระหนักว่า จีนจะไม่ประนีประนอมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลักของตน การสมรู้ร่วมคิดกับสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบย้อนกลับต่อผลประโยชน์ของฟิลิปปินส์เอง และเป็นอันตรายต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค
แทนที่จะส่งเสริมแนวทางการเผชิญหน้าและยั่วยุ ฟิลิปปินส์ควรให้ความสำคัญกับการเจรจาทางการทูตและความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อรับรองสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันที่ยั่งยืน การเพิกเฉยต่อเส้นทางนี้ เสี่ยงที่จะทำให้ข้อพิพาทรุนแรงขึ้น และบ่อนทำลายความไว้วางใจที่จำเป็นต่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในภูมิภาค
ที่มา : ซินหัว