ปักกิ่ง, 21 มิ.ย. (ซินหัว) — หากย้อนกลับสู่ห้วงยามการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แตะระดับสูงสุด ปรากฏว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการลับเพื่อสร้างความเสื่อมเสียแก่วัคซีนและอุปกรณ์การแพทย์เพื่อช่วยชีวิตอื่นๆ ของจีนมากกว่าช่วยเหลือโลกต่อสู้กับเชื้อไวรัสร้าย
เมื่อไม่นานนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สสืบสวนพบว่ากองทัพสหรัฐฯ ดำเนินโครงการบิดเบือนข้อมูลอย่างลับๆ เพื่อสร้างความเสื่อมเสียแก่วัคซีนของจีนในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 อย่างหนักหน่วง
การเปิดโปงของรอยเตอร์สได้จุดกระแสประณามจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางสาธารณสุข รวมถึงบรรดาอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ โดยเกร็กกอรี เทรเวอร์ตัน อดีตประธานหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (NIC) ของสหรัฐฯ ชี้ว่าสิ่งที่เพนตากอนหรือกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ กระทำนั้น “ล้ำเส้น” วัคซีนซิโนแวค (Sinovac) ของจีน ซึ่งเป็นวัคซีนเดียวที่มีในฟิลิปปินส์ขณะการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 แตะระดับสูงสุด ถูกใส่ร้ายสาดโคลนซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายใต้โครงการของเพนตากอน
รอยเตอร์สตรวจพบว่าบัญชีผู้ใช้งานเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) อย่างน้อย 300 บัญชี ตรงกับคำอธิบายจากกลุ่มอดีตเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ซึ่งคุ้นเคยกับปฏิบัติการในฟิลิปปินส์ โดยบัญชีผู้ใช้งานดังกล่าวเกือบทั้งหมดถูกสร้างขึ้นช่วงฤดูร้อน ปี 2020 และให้ความสนใจกับสโลแกนภาษาตากาล็อก #Chinaangvirus ที่แปลว่า “จีนคือไวรัส”
เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ระดับอาวุโสที่เกี่ยวข้องกับโครงการของเพนตากอนเผยผ่านรอยเตอร์สว่าสหรัฐฯ ไม่ได้มองจากมุมสาธารณสุข แต่มองจากมุมที่ว่าจะใส่ร้ายสาดโคลนจีนอย่างไร
โครงการของเพนตากอนฉุดรั้งอัตราการฉีดวัคซีนในฟิลิปปินส์อยู่ระดับต่ำอย่างน่าสลดใจ ทำให้โรดรีโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในตอนนั้น ต้องออกมาเรียกร้องประชาชนฉีดวัคซีนในเดือนมิถุนายน 2021 โดยตอนนั้นฟิลิปปินส์ที่มีประชากร 114 ล้านคน กลับมีผู้ฉีดวัคซีนครบโดสเพียงราว 2.1 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเป้าหมาย 70 ล้านคนอย่างมาก
แฮร์รี โรค อดีตโฆษกประจำตัวประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่าฟิลิปปินส์มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 มากกว่า 60,000 ราย ซึ่งจำนวนไม่น้อยอาจรอดชีวิตหากไม่ตกเป็นเหยื่อของโครงการบิดเบือนข้อมูลวัคซีนซิโนแวค
โช-เชียง ตัน แพทย์และรองศาสตราจารย์ประจำสถาบันแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทิร์นในกรุงมะนิลา กล่าวว่ารายงานจากรอยเตอร์สทำให้ชาวฟิลิปปินส์ทั้งประเทศตกตะลึงกับการกระทำอันชั่วร้ายของสหรัฐฯ ที่ส่งผลเลวร้ายต่อสุขภาพของชาวฟิลิปปินส์และขัดขวางความพยายามต่อสู้กับโรคโควิด-19 ของฟิลิปปินส์
ตันกล่าวว่าความไม่ไว้วางใจและความตื่นตระหนกเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนส่งผลให้ประชาชนบางส่วนไม่ยอมฉีดวัคซีนจนเสี่ยงติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยการกระทำของสหรัฐฯ ไม่เพียงทำลายผลประโยชน์ของชาวฟิลิปปินส์ แต่เป็นอันตรายต่อวงการสาธารณสุขทั่วโลกและความอยู่ดีมีสุขของมวลมนุษยชาติ
ดาเนียล ลูซีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากคณะแพทยศาสตร์ของวิทยาลัยดาร์ตมัธ กล่าวว่าเขารู้สึกทดท้อใจ ผิดหวัง และตาสว่างเมื่อรู้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กระทำอะไรไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่มิสามารถแก้ต่างได้เลย
จีนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ด้วยการจัดสรรวัคซีนซิโนแวคและสินค้าสาธารณะอื่นๆ แก่โลก โดยหยวนโยวเวย โฆษกของซิโนแวค ระบุว่าผลการศึกษาหลายฉบับพิสูจน์แล้วว่าวัคซีนซิโนแวคสร้างภูมิคุ้มกันและปลอดภัย มีการอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในกว่า 60 ประเทศ ภูมิภาค และองค์กรระหว่างประเทศ
องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยกับสำนักข่าวซินหัวผ่านคำแถลงฉบับลายลักษณ์อักษรว่าวัคซีนซิโนแวคมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการป้องกันการเจ็บป่วยหนักและการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 พร้อมเตือนว่าการบิดเบือนข้อมูลหรือการใช้ข้อมูลเป็นเครื่องมือหลอกลวงและสร้างภัยอันตรายถือเป็นภัยคุกคามสุขภาพใหญ่หลวงในปัจจุบัน
รามี ปูลายด์ ชาวฟิลิปปินส์ วัย 29 ปี กล่าวว่าเขาฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของซิโนแวค จำนวน 2 โดส ระหว่างการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 แตะระดับสูงสุด และเสริมว่าตอนโรคระบาดส่งผลกระทบทั่วประเทศนั้นมีจีนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือฟิลิปปินส์ จึงไว้วางใจจีนและเชื่อถือวัคซีนของจีน
ข้อเท็จจริงคือหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ยินดีรับวัคซีนของจีนระหว่างเกิดโรคระบาดใหญ่ โดยอเล็กซานดาร์ วูซิส ประธานาธิบดีเซอร์เบีย ถึงกับเดินทางมารอการส่งมอบวัคซีนที่ท่าอากาศยานเบลเกรดด้วยตนเองเพื่อแสดงความขอบคุณจีน
ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในยามที่พวกเขาต้องการวัคซีนอย่างเร่งด่วน โดยเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ระดับอาวุโสที่เกี่ยวข้องกับโครงการของเพนตากอนโดยตรงเผยผ่านรอยเตอร์สว่าสหรัฐฯ ไม่ได้แบ่งปันวัคซีนกับหุ้นส่วน สิ่งที่เหลือให้ทำคือเหน็บแนมจีน
