จีนพลิกเมือง มุ่งสู่พลังงานสีเขียว สำเร็จตามเป้าหมาย ลดคาร์บอน 3 พันล้านตัน ภายใน 10 ปี ประชาชนหันใช้รถยนต์ไฟฟ้า มากกว่า 20 ล้านคัน ออฟฟิศสำนักงาน 64% เป็นอาคารประหยัดพลังงาน ขณะที่สิ่งปลูกสร้างใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษ หรือเกือบเป็นศูนย์ สูงเกิน 43.7 ล้านตารางเมตร
เมื่อวันพฤหัสบดี (29 ส.ค.) สมุดปกขาวที่มีชื่อว่า “การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของจีน” (China’s Energy Transition) ระบุว่า จีนได้สร้างความก้าวหน้า ครั้งประวัติศาสตร์ ในการพัฒนาพลังงาน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคาร์บอนต่ำ โดยจีนได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จำนวน 3 พันล้านตัน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ใช้สอยของสิ่งปลูกสร้างประหยัดพลังงาน สูงเกิน 3.26 หมื่นล้านตารางเมตร เมื่อนับถึงสิ้นปี 2023 ซึ่งคิดเป็นมากกว่าร้อยละ 64 ของสิ่งปลูกสร้างในเมืองทั้งหมด และเพิ่มขึ้นเกือบ 30 จุด จากปี 2013 ขณะพื้นที่ใช้สอยของสิ่งปลูกสร้าง ที่มีการใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษ หรือเกือบเป็นศูนย์ สูงเกิน 43.7 ล้านตารางเมตร
จีนมียานยนต์พลังงานใหม่ มากกว่า 20.4 ล้านคัน และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการชาร์จ เกือบ 8.6 ล้านแห่ง รวมถึงสถานีเชื้อเพลิงไฮโดรเจน มากกว่า 450 แห่ง เมื่อนับถึงสิ้นปี 2023 ด้านการใช้พลังงานต่อหน่วยบรรทุก ของการขนส่งทางราง ในปี 2023 ลดลงราวร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปี 2013
สมุดปกขาวระบุว่า การพัฒนาพลังงานสะอาด คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่จีนผลักดันการปฏิรูปวิธีการผลิตและใช้พลังงาน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถ การจัดหาพลังงานสะอาด โดยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานสะอาด คิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่ง ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ขณะที่สัดส่วนการใช้พลังงานถ่านหิน ลดลง 1.4 พันล้านตัน
ความพยายามเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ให้สอดคล้องกับการปกป้องคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของจีน ทำให้สัดส่วนการใช้พลังงาน ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยลดลงมากกว่าร้อยละ 26 ระหว่างปี 2013-2023
จีนยังเดินหน้าสร้างเมืองสีเขียว ตามมาตรฐานประสิทธิภาพทางพลังงานที่สูงขึ้น ทั้งการปลูกสร้างใหม่ และปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่เดิม ให้ประหยัดพลังงานอย่างต่อเนื่อง บ่มเพาะการใช้พลังงานสะอาด ในรูปแบบต่างๆ กระตุ้นการใช้พลังงานหมุนเวียน ในวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม