“….ปรากฏการณ์”หลุมแดงดูดทุนโลก” อันเนื่องจากตลาดหุ้นจีน เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น ได้พากันพุ่งสูงขึ้นจนผิดสังเกต ในท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างระบบการเงินโลกและศักยภาพทางการผลิตโลกที่เอียงมาทางจีนและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ เช่นกลุ่มบริกส์ที่กำลังสร้างระบบการเงินของกลุ่มขึ้นมา โลกกำลังขับเคลื่อนไปในลักษณะที่”ตะวันออกลอยสูง ตะวันตกคล้อยต่ำ” หรือ”ตงเซิงซีเจี้ยง” ตามคำวินิจฉัยของสีจิ้นผิง ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในและนอกประเทศจีนพากันตัดสินใจนำเงินทุนของตนเองเข้าลงทุนในประเทศจีน เนื่ืองจากมีความเชื่อมั่นในศักยภาพโดยรวมของรัฐบาลจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีสีจิ้นผิงเป็นแกนกลาง เราจึงพบว่า ภายหลังการหยุดยาวต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นจีนได้ปรับตัวสูงอย่างพรวดพราดนับ10%โดยมีวอลุ่มการซื้อขายบางวันมากกว่า3ล้านล้านหยวน ส่งผลให้ตลาดหุ้นใหญ่ๆในหลายประเทศตกวูบสวนทางกับตลาดจีน เป็นสัญญาณบอกว่า ตลาดทุนจีนได้พัฒนาตัวเองมาถึงจุดที่จะกลายเป็น”หลุมดำ” ดึงดูดทุนทั่วโลกเข้าประเทศจีน? เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่ตลาดหุ้นขึ้นก็จะแดงไปทั้งกระดาน จึงขอเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์”หลุมแดง” ดูดทุนโลก!….”
หลุมแดงดูดทุนโลก 世界资本红洞
ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผู้เขียนขอเชิญชวนท่านผู้อ่านร่วมกับผู้เขียนสนุกสนานไปกับการติดตามเรื่องจีนในรูปของการจับเรื่องที่เป็นปรากฏการณ์มาเจาะให้ถึงแก่นที่เป็นกฎเกณฑ์ของการขับเคลื่อนทางประวัติศาสตร์ที่จะส่งผลกระทบไปทั้งโลก ตามหลักปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษที่ว่า กฎเกณฑ์หรือแก่นแท้ของสิ่งของเรื่องราวจะสามารถเข้าถึงได้จากการรับรู้ในสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์รูปธรรม หรือที่ภาษาจีนบอกว่า“โท่วกั้วเซี่ยนเซี่ยงคั่นเปิ่นจื้อ”(透过现象看本质)
โดยพยายามนำเรื่องราวรูปธรรมที่สามารถสะท้อนแก่นแท้หรือกฎเกณฑ์มาวิเคราะห์ โดยไม่ไปหลงเอาเหตุการณ์หรือเรื่องราวที่มีลักษณะมโนสาเร่มาเสนอแต่ประการใด
กระบวนวิธีการวิเคราะห์ที่นำมาใช้เป็นเครื่องมือประกอบไปด้วยการจับกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางปริมาณที่จะสะสมไปเรื่อยๆจนถึงจุดเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพแบบปุบปับฉับพลัน เช่นน้ำในหม้อบนเตาจะสะสมความร้อนจนถึงระดับหนึ่งแล้วก็เดือดปุดๆขึ้นมาทันที น้ำดิบก็จะกลายเป็นน้ำสุก
สังคมจีนสะสมการเปลี่ยนแปลงทางปริมาณนานนับร้อยปี ตั้งแต่หลังสงครามฝิ่นจนถึงกลางศตวรรษที่20 จึงได้ประทุขึ้นเป็นสงครามปฏิวัติปลดปล่อยประเทศจีน สังคมจีนหลุดออกจากความเป็นสังคมดั้งเดิม กลายเป็นสังคมสมัยใหม่ชั่วข้ามคืน
อีกเครื่องมือหนึ่งคือการการจับคู่ความขัดแย้งหลักและด้านหลักของความขัดแย้งหลักนั้น
วิธีนี้จะทำให้ผู้เขียนกับท่านผู้อ่านเข้าถึงทิศทางการขับเคลื่อนของประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่แบบ “ถึงลูกถึงคน” แม้จะเสี่ยงกับความผิดพลาดแต่ก็คุ้ม เช่นกรณีวิกฤตในตะวันออกกลาง ผู้เขียนฟันธงในบทเขีบน “ขีปนาวุธจัดระเบียบ” ว่า ไม่ว่าอิสราเอลจะกร่างแค่ไหน ก็ไม่มีทางขยายสงครามเป็นสงครามเบ็ดเสร็จ เพราะพี่ใหญ่คือสหรัฐอเมริกาหมดสภาพแล้ว เห็นได้จากท่าทีที่มีต่อ่การยิงขีปนาวุธข้ามทวีป “ตงเฟิง-31AG” ของจีน และถึงที่สุดแล้วก็จะต้องนั่งลงเจรจา สร้างสันติสุขขึ้นในตะวันออกกลาง ตามแนวที่จีนนำเสนอ
ทำได้เช่นนี้ คนไทยเราจะได้ไม่หลงทิศผิดทาง หรือรีๆรอๆ สามารถกำหนดท่าทีและลงมือปฏิบัติพัฒนาตนเองไปอยู่ในระดับแถวหน้าของสังคมโลกได้อย่างเป็นจริง
ด้วยเหตุนี้ การเข้าถึงแก่นแท้ของสิ่งจึงสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดการกระทำของเราวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีร่วมกันของคนไทยทั้งประเทศ
ขอให้รู้ด้วยว่า การเข้าถึงแก่นแท้หรือกฎเกณฑ์ของสิ่งใดนั้น ก็คือการเล็งเห็นสัจธรรมที่เที่ยงแท้แน่นอนนั่นเอง เป็นคุณสมบัติล้ำเลิศที่คนไทยพึงมี
ถ้ายังไม่มีก็ฝึกปรือจนมีให้ได้!
เพราะมันเป็นรากฐานของความมั่นใจในตนเอง โดยไม่หวั่นไหวไกวแกว่งไปกับคำโฆษณาชวนเชื่อ ข่าวลือข่าวปล่อย และข้อมูลเท็จต่างๆที่เกลื่อนกลาดไปทั่ว ในยุคการสื่อสารรวดเร็วเท่าแสงและเข้าถึงได้ทุกมิติในชีวิตประจำวันของคนเรา
แต่ก็ต้องเผื่อไว้เหมือนกันว่าระหว่างที่เราฝึกปรืออยู่นั้น ก็อาจจะมีความผิดพลาดบ้าง คงไม่ว่ากันนะครับ
สำหรับบทนี้ ผู้เขียนขอเชิญชวนเพื่อนนักอ่านมาทำความเข้าใจในปรากฏการณ์ “หลุมแดงดูดทุนโลก”
อันเนื่องจากตลาดหุ้นจีน เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น ได้พากันพุ่งสูงขึ้นจนผิดสังเกต แตกต่างไปจากปรากฏการณ์ที่เคยเป็นมาอย่างมีนัยสำคัญ ในท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างระบบการเงินโลกและศักยภาพทางการผลิตโลกที่เอียงมาทางจีนและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ เช่นกลุ่มบริกส์ที่กำลังสร้างระบการเงินของกลุ่มขึ้นมาโดยแยกหลุดออกจากระบบการเงินของกลุ่มประเทศตะวันตก ซึ่งเนื้อในของกลุ่มบริกส์มีเงินหยวนของจีนเป็นแกน ประชันกับกลุ่มตะวันตกที่มีดอลลาร์สหรัฐฯเป็นแกน
ในภาวะที่สังคมโลกกำลังขับเคลื่อนไปในลักษณะที่ “ตะวันออกลอยสูง ตะวันตกคล้อยต่ำ” หรือ”ตงเซิงซีเจี้ยง” (东升西降)ตามคำวินิจฉัยของสีจิ้นผิง ซึ่งถือว่าเป็นสัจธรรมตามหลักคิดของชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งยังไม่มีใครออกมาหักล้างและปฏิเสธได้ ส่งผลให้นักลงทุนทั้งในและนอกประเทศจีนพากันง่ายที่จะตัดสินใจนำเงินทุนของตนเองเข้าลงทุนในประเทศจีน ทั้งที่เป็นการลงทุนในภาคการผลิต ภาคบริการและตลาดหุ้น เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในศักยภาพโดยรวมของรัฐบาลจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีสีจิ้นผิงเป็นแกนกลาง
ความเชื่อมั่นนี้ นับวันจะฝังลึกลงไปในห้วงสำนึกของนักลงทุน และเมื่อใดที่มีเหตุการณ์วิกฤตที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบไปในวงกว้างเช่นความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง สงครามการค้าการเงินระหว่างสหรัฐฯกับจีน ทำให้นักลงทุนเลือกลงทุนระยะยาวเฉพาะในประเทศที่ไว้ใจได้มากที่สุด
เราจึงพบว่า ภายหลังการหยุดยาวต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ ตลาดหุ้นจีนได้ปรับตัวสูงอย่างพรวดพราดนับ10% โดยมีวอลุ่มการซื้อขายบางวันมากกว่า3ล้านล้านหยวน
นัยว่าเงินทุนมูลค่ามหาศาลเหล่านี้ไหลทะลักมาจากทุกสารทิศของโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นใหญ่ๆในหลายประเทศตกวูบสวนทางกับตลาดจีน
หรือนี่จะเป็นสัญญาณบอกว่า ตลาดทุนจีนได้พัฒนาตัวเองมาถึงจุดที่จะกลายเป็น “หลุมดำ” ดึงดูดทุนทั่วโลกเข้าประเทศจีน?
เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่ตลาดหุ้นขึ้นก็จะแดงไปทั้งกระดาน จึงขอเรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ “หลุมแดง” ดูดทุนโลก!
ไขคำจีน
红洞 หงตัง ถ้ำแดง หลุมแดง