วันที่ (5 พ.ย.67) เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ห้วยขวาง นำโดย พันตำรวจเอก ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการสน.ห้วยขวาง บุกจับสถานบันเทิงเถื่อนย่านห้วยขวาง ภายใน ซ.ประชาราษฎร์บำเพ็ญ 4 หลังได้รับการร้องเรียนว่าสถานที่ดังกล่าวมีการลักลอบเปิดผับและมีการให้บริการนักท่องเที่ยวจนถึงช่วงเช้า ซึ่งสภาพภายนอกเป็นอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น ที่กำลังมีการปรับปรุงซ่อมแซมตัวอาคาร แต่พบว่าในบริเวณชั้น 3 ของอาคาร ถูกปรับปรุงตกแต่งให้เป็นสถานบริการ แบ่งเป็น 2 ห้อง รองรับนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจีน จากการบุกเข้าจับกุมในครั้งนี้ พบกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชายหญิง รวมถึงพนักงานให้บริการ ประมาณ 31 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการใช้บริการ ดื่มกินและรับประทานอาหาร อีกทั้ง พบอุปกรณ์เสพยาเสพติด ขณะเดียวกันยังพบกระเป๋าสะพายแบรนด์เนม สีน้ำตาลวางอยู่บนโซฟา ในกระเป๋าพบยาเสพติดเป็นเกล็ดลักษณะคล้ายยาไอซ์หรือยาเค บรรจุในซองซิบล็อคจำนวน 2 ถุง // บรรจุในซองซิบล็อคเกล็ดสีขาวห่อธนบัตรมูลค่า 1,000 บาท จำนวน 1 ถุง // บรรจุในซองซิบล็อคจำนวนชนิดผง 1 ถุง(ไม่ทราบน้ำหนัก) และพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และพบเงินเป็นธนบัตรและเหรียญจำนวน 41,222 บาท สอบถามไม่มีผู้ไดยอมรับว่าเป็นของตน
ด้านพันตำรวจเอก ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการสน.ห้วยขวาง ระบุว่า หลังจากที่ตำรวจได้เบาะแส สถานบริการดังกล่าว จึงได้นำกำลัง ตำรวจ สน.ห้วยขวาง และกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ดังกล่าวเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เบื้องต้นพบกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่ประกอบไปด้วย คนไทย 1 คน นักท่องเที่ยวชาวจีน จำนวน 25 คน พนักงานให้บริการ 4 คน และผู้ดูแลตึก 1 คน เบื้องต้นได้ดำเนินการแจ้งข้อหาการตั้งสถานประกอบการโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดตาม พรบ.สถานบริการ // ข้อหาการจำหน่ายสุราโดยได้รับอนุญาต ความผิดตาม พรบ. ภาษีสรรพสามิต // จำหน่ายสุรา เกินกว่าเวลากฎหมายกำหนด เป็นความผิดตาม พรบ. ควบคุมเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ // ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการ // และข้อหา การทำผิดตาม พรบ. การทำงานของคนต่างด้าว เนื่องจากพบว่าพนักงานให้ 3 คน ไม่มีสัญชาติ
ทั้งนี้ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้ทำการตรวจสารเสพติดในร่างกายทั้ง 31 คน เบื้องต้น พบสารเสพติดชนิดประเภทเมทแอมเฟตามีน ซึ่งสารดังกล่าวจะมีทั้งในยาบ้า ยาไอซ์ และเคตามีน ที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ โดยตำรวจจะดำเนินการส่งนักท่องเที่ยวทั้งหมดไปตรวจสารเสพติดอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อรวบรวมหลักฐานแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี รวมถึงได้มีการตรวจสอบการเข้าเมืองของคนจีนทั้ง 25 คน ว่าเข้ามาโดยถูกกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้นมีหนังสือเดินทางมาแสดง จึงได้ประสานไปยัง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. ให้ช่วยตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้าออก และประวัติว่า มีบุคคลใดเคยมีประวัติต้องโทษคดีอาญาหรือไม่ ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบให้ครบทุกมิติ ซึ่ง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ที่สั่งการให้กองบังคับการสืบสวน 1 ลงมามาช่วย สน. ห้วยขวาง เพื่อขยายผลเรื่องยาเสพติด และเจ้าของอาคารดังกล่าว ว่ามีที่ไปที่มาอย่างไรหรือมีส่วนรู้เห็นหรือไม่
เมื่อถามว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้ทราบได้อย่างไรว่ามีสถานบริการลักษณะนี้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ผู้กำกับสน. ห้วยขวาง บอกว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้น นักท่องเที่ยวระบุว่าได้มารับประทานอาหารในบริเวณย่านดังกล่าวและได้มีการชักชวนจากคนจีนด้วยกัน ให้ขึ้นมาท่องเที่ยวที่แห่งนี้ ก็จะต้องไปสืบสวนต่อไปว่าใครที่ทำหน้าที่ในการชักชวน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังจะต้องเข้มข้นในเรื่องของการตรวจสอบอาคารในลักษณะที่กำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุงเนื่องจาก คาดว่าจะมีการทำลักษณะแบบนี้ในที่อื่นอีกหรือไม่ ซึ่งหากสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ถูกเข้าไปตรวจสอบก็จะมีการเปิดผับในลักษณะเดียวกันกับผับจินหลิงแน่นอน ซึ่งส่วนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องมาพิจารณา กับสถานประกอบการที่เปิดโดยผิดกฎหมายหรือปล่อยประละเลยจนทำให้มียาเสพติดเข้าไป ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนตามคำสั่ง คสช. ที่ 22/58 ซึ่งสน. ห้วยขวางก็จะประมวลเรื่องและเสนอให้ปิด สถานที่ดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปีอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมตรวจสอบลายนิ้วมือ ทุกคนเพื่อที่จะหาบุคคลที่เป็นเจ้าของกระเป๋าแบรนด์เนมที่บรรจุยาเสพติดไว้ข้างในว่าเป็นของบุคคลใด เพื่อที่จะนำไปประกอบสำนวนในการดำเนินคดีด้วย พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าการทำงานของตำรวจ สน. ห้วยขวาง ได้ดำเนินการตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างเข้มงวด ทั้งในเรื่องของการปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และอาชญากรรมข้ามชาติและต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นและ สร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนทุกคน