สายลับสาวถูกตำรวจหลอกใช้

ทนายไพศาลพาหญิง สายตำรวจ สภ.อำนาจเจริญ ร้อง บก.ป.หลังโดนหลอกใช้เป็นผู้ต้องหาคดีเงินกู้ แฉ! ก่อนหน้าจะเป็นคนชี้เป้าให้ชุดจับกุมได้ของกลางเป็นยาบ้า 800 เม็ด พอจับได้ผู้ต้องหาพร้อมของกลางก็จะเรียกรับเงินจำนวน 4 หมื่นบาท ก่อนจะเปลี่ยนเป็นข้อหาเป็นโพยพนันฟุตบอลแทน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 เม.ย. 2565 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ พ.อ.พิเศษ อนันต์ กินาวงศ์ ทนายความ พา นางลำไพ หรือเหมียว (สงวนามสกุล) อายุ 43 ปี อาชีพรับจ้าง ชาว จ. อำนาจเจริญ ผู้เสียหายเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.มงคล พหมโสภา รอง สว.(สอบสวน) บก.ป.เวรอำนวยการ แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตำรวจฝ่ายสืบสวนชุดจับกุม สภ. อำนาจเจริญ จำนวน 17 นาย ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

พ.อ.พิเศษ อนันต์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 พ.ค.2564 เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าวได้ขอให้ น.ส.เหมียว-ลำไพ ผู้เสียหาย ยอมเป็นผู้ต้องหาในคดีเงินกู้ โดยทำบันทึกจับกุมกล่าวหาว่าให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยมีของกลางบัญชีรายการเก็บเงินกู้ลูกค้าจำนวน 2 แผ่น เงินสด 200 บาท โดยระบุว่า มีสายลับแจ้งให้จับกุมผู้เสียหายเป็นนายหน้าปล่อยเงินกู้ บริเวณตลาดวิชิตสิน ต.บุ้ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ

ทั้งที่ปกติแล้ว น.ส.เหมียว จะรับงานเป็นสายลับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นี้มาตลอด เช่น คดีล่อซื้อยาเสพติด จะเป็นคนชี้เป้าให้ชุดจับกุมได้ของกลางเป็นยาบ้า 800 เม็ด พอจับได้ผู้ต้องหาพร้อมของกลางก็จะเรียกรับเงินจำนวน 4 หมื่นบาท ก่อนจะเปลี่ยนเป็นข้อหาเป็นโพยพนันฟุตบอลแทน

แต่ครั้งนี้กลับโดนขอร้องให้รับงานเป็นผู้ต้องหาคดีนายทุนเงินกู้…!

เรื่องนี้ตนเคยพาผู้เสียหายร้อง ปปช.จังหวัดอำนายเจริญเมื่อ 5 เดือนก่อนแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าวันนี้จึงพามาร้อง บก.ป.ให้ข่วยเหลือเหยื่อตำรวจรายนี้

นอกจากผู้เสียหายรายนี้แล้วยังมีคนอื่นๆ อีก ทั้งเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่เดือดร้อนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดนี้เป็นอย่างมาก

ทนายไพศาล กล่าวว่า ถ้าคดีนี้เป็นเรื่องจริงก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เกรงว่าตัวผู้เสียหายจะไม่ได้รับความปลอดภัย หลังจากแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.แล้วจะพาไปขอกรมคุ้มครองพยาน กระทรวงยุติธรรมให้ช่วยดูแลผู้เสียหายด้วย นอกจาก น.ส.เหมียวแล้ว กำลังมีผู้เสียหายรายอื่นๆ ทะยอยมาแจ้งความเพิ่มเรื่อยๆ

น.ส.เหมียว เปิดเผยว่า ปกติตนช่วยงานราชการตำรวจ โดยเป็นสายให้ สภ.อำนาจเจริญ ในทุกๆ คดี ที่ร้องขอมา ทำมาเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว ส่วนคดีหลังสุดที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีปล่อยเงินกู้นี้มีตำรวจนายหนึ่งมาบอกตนให้เข้าไปหานายตำรวจท่านหนึ่งหน่อย บอกว่าถ้าเขาให้มึงทำอะไรก็ทำตามที่เขาบอกนะ ตนถามกลับไปว่าพี่แล้วแบบนี้หนูจะไม่มีปัญหาเหรอ หนูเพิ่งติดคุกออกมาได้ไม่นาน เขาจะไม่เอาโทษเดิมมาเพิ่มเหรอ เขาบอกไม่ ๆ ๆ เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งค่าประกัน ค่าปรับ เมื่อจ่ายค่าปรับแล้วมึงก็ได้กลับบ้าน เมื่อตนเข้าไปที่โรงพักก็ให้เซ็นชื่อในเอกสารที่ตนไม่ได้อ่าน แต่เมื่อคดีขึ้นศาลแล้วไม่ใช่แค่ปรับ เอาโทษเก่ามารวม 1 ใน 3 ทำให้ตนโดนตัดสินติดคุก 4 ปี ตนขอประกันตัวสู้คดีออกมาแล้วตนได้ถามตำรวจที่จับว่าตกลงกันไว้แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ยังไง

เขาบอกว่าอย่าเพิ่งโวยวายเดี๋ยวจะหาทางช่วยเหลือมึงเอง เพิ่งเป็นครั้งแรกที่เรียกตนไปเซ็นรับเป็นผู้ต้องหา ก่อนๆ หน้านั้นจะให้เป็นแค่สายลับเท่านั้น ทีาต้องยอมทำเพราะโดนข่มขู่ ตนเดือดร้อนมากจึงต้องมาขอร้องตำรวจกองปราบฯ อยากจะให้ช่วยย้ายตำรวจในพื้นที่เหล่านี้ออกไปหรือให้ออกจากราชการไปเลย เพื่อชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อนกันอีก

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้สอบถามแล้วเป็นอำนาจหน้าที่ในความรับผิดชอบ บก.ปปป.ก่อนส่งต่อให้ พ.ต.ท.ภูริต ศรีบุญเรือง พงส.บก.ปปป.รับไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป