“…ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวในที่ประชุมถึงแนวทางการพัฒนาของสังคมโลกที่จะต้องช่วยกันขับเคลื่อนมวลมนุษย์ไปสู่อนาคตร่วมกัน โดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะต้องออกแรงช่วยประเทศที่กำลังพัฒนามากขึ้น เพิ่มความร่วมมือมากขึ้น และลดการสร้างเงื่อนไขอุปสรรคต่างๆ ที่บั่นทอนความร่วมมือให้น้อยลง เพื่อทุกฝ่ายจะได้ก้าวไปสู่ความทันสมัยร่วมกันและพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืนบนดาวโลกดวงนี้ ท่านได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของจีนในการขจัดความยากจน ที่ช่วยให้คนจีนทั้งประเทศหลุดพ้นจากภาวะยากจนแบบเบ็ดเสร็จ โดยยกคำพังเพยที่ว่า “นกที่อ่อนแอสามารถบินก่อนได้ บินสูงได้” เช่น โครงการท่าเรือชานไคของเปรูที่มีความทันสมัยระดับโลก ด้วยระบบอัจฉริยะที่กำลังใช้กันอยู่ในเมืองท่าสำคัญๆ ในประเทศจีน เป็นจุดขนถ่ายสินค้าสำคัญแห่งแรกของทวีปอเมริกาใต้ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่เชื่อมต่อกับเมืองท่าสำคัญของเอเชีย เช่นเซี่ยงไฮ้ กระทั่งสินค้าจากบราซิลและอาร์เจนตินาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของทวีปก็สามารถลำเลียงข้ามทวีปมาลงที่ท่าเรือชานไคแล้วกระจายข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกมายังทวีปเอเชียโดยตรง และโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เช่นรถไฟความเร็วสูงจีนลาว ที่ทำให้ประเทศผู้ร่วมโครงการเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ที่ทำให้ลาวกลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีระบบรถไฟความเร็วสูง ดึงดูดผู้คนและสินค้าเข้าลาวและผ่านลาวเข้าจีนและประเทศต่างๆ ในย่านอาเซียนตลอดจนถึงยุโรป…”
(ตอน) นกที่อ่อนแอ บินนำไปก่อนได้
弱鸟可以先飞
ในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ G20 ที่กรุงริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวในที่ประชุมถึงแนวทางการพัฒนาของสังคมโลกที่จะต้องช่วยกันสร้างเงื่อนไขขับเคลื่อนมวลมนุษย์ไปสู่อนาคตร่วมกัน โดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะต้องออกแรงช่วยประเทศที่กำลังพัฒนามากขึ้น เพิ่มความร่วมมือมากขึ้น และลดการสร้างเงื่อนไขอุปสรรคต่างๆ ที่บั่นทอนความร่วมมือให้น้อยลง เพื่อทุกฝ่ายจะได้ก้าวไปสู่ความทันสมัยร่วมกันและพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืนบนดาวโลกดวงนี้
ทั้งนี้ ในระหว่างคำปราศัยนั้น ท่านได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของจีนในการขจัดความยากจน ที่ช่วยให้คนจีนทั้งประเทศหลุดพ้นจากภาวะยากจนแบบเบ็ดเสร็จ โดยยกคำพังเพยที่ว่า “นกที่อ่อนแอสามารถบินก่อนได้ บินสูงได้” หรือ “ย่อเหนี่ยว เขออี่ เซียนเฟย เกาเฟย” (弱鸟可以先飞,高飞)หากมุ่งมั่น ยืนหยัด พัฒนาตนเองไปตามแผนที่วางไว้ชนิด “กัดไม่ปล่อย” คือดำเนินการตามพิมพ์เขียวที่วาดไว้ให้ถึงที่สุด
พร้อมกับสรุปว่า ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายสามารถทำได้สำเร็จแบบจีนและก้าวไปพร้อมกับจีน
เช่นเคย ท่านได้นำเสนอช่องทางที่ประเทศต่างๆ จะเดินหน้าไปพร้อมกับจีนรวมแปดข้อด้วยกัน โดย ข้อแรกสุดคือเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (一带一路)ที่กำลังขยายตัวไปอย่างรวดเร็วครอบคลุมไปกว่าครึ่งโลก และเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้ประเทศกำลังพัฒนาที่ เปรียบเหมือน “นกอ่อนแอ” โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงได้อย่างรวดเร็วเหนือความคาดหมาย
ด้วยโครงการต่างๆ ที่ร่วมกับจีนเหล่านั้น จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความต้องการที่จะก้าวไปสู่ความทันสมัยร่วมกัน หากมิใช่การเดินตามก้นจีน
ดังกรณีท่าเรือชานไคของเปรูที่มีพิธีการเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นผู้กล่าวเปิดการใช้งานที่กรุงลิม่าในโอกาสที่ผู้นำจีนเข้าร่วมประชุมเอเปคที่เปรูเป็นเจ้าภาพ
ท่าเรือชานไคมีบริษัทร่วมทุนจีนเปรูเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและบริหาร คล้ายๆ กับที่ทำกันในหลายๆ ประเทศในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เช่นรถไฟความเร็วสูงจีนลาว ที่ทำให้ประเทศผู้ร่วมโครงการเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยของจีนที่นำมาประยุกต์ใช้ ตามหลักปรัชญาที่ว่า “นกอ่อนแอสามารถบินก่อนได้ บินสูงได้” ที่ทำให้ลาวกลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีระบบรถไฟความเร็วสูง ดึงดูดผู้คนและสินค้าเข้าลาวและผ่านลาวเข้าจีนและประเทศต่างๆ ในย่านอาเซียนตลอดจนยุโรป
ทันทีทันใดประเทศลาวก็พลิกจากประเทศชายขอบมาเป็นประเทศศูนย์กลางการขับเคลื่อนระหว่างภูมิภาคแห่งหนึ่งของเอเชีย
ท่าเรือชานไคของเปรูมีความทันสมัยระดับโลก ด้วยระบบอัจฉริยะที่กำลังใช้กันอยู่ในเมืองท่าสำคัญๆ ในประเทศจีน เป็นจุดขนถ่ายสินค้าสำคัญแห่งแรกของทวีปอเมริกาใต้ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่เชื่อมต่อกับเมืองท่าสำคัญของเอเชีย เช่นเซี่ยงไฮ้ กระทั่งสินค้าจากบราซิลและอาร์เจนตินาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของทวีปก็สามารถลำเลียงข้ามทวีปมาลงที่ท่าเรือชานไคแล้วกระจายข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกมายังทวีปเอเชียโดยตรง
สิ่งที่เปรูได้รับก็คือโอกาสผงาดขึ้นมาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอเมริกาใต้ทั้งทวีป ในการเชื่อมประสานเข้ากับกระแสการพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนำโลกของเอเชีย โดยเฉพาะกับจีน
เปรูที่เคยเป็นนกอ่อนแอก็จะกลายเป็นนกแข็งแรง บินคู่ขนานไปกับพญามังกร พุ่งลิ่วสู่ความเป็นประเทศทันสมัยไปพร้อมๆกับจีน
ไขคำจีน
弱鸟
ย่อเหนี่ยว
นกอ่อนแอ