เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2025 อินโดนีเซียได้เข้าร่วม BRICS อย่างเป็นทางการ ในฐานะสมาชิกเต็มตัว แสดงถึงการมีส่วนร่วมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2025 ได้มีการเพิ่มประเทศสมาชิก 8 ประเทศ ได้แก่ เบลารุส, โบลิเวีย, คิวบา, คาซัคสถาน, มาเลเซีย, ไทย, ยูกันดา และอุซเบกิสถาน นอกจากนี้ ไนจีเรียยังได้เข้าร่วมประเทศสมาชิก เพื่อขยายขอบเขตทางเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์ของกลุ่ม BRICS
กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ในกลุ่ม BRICS เช่น National Wealth Fund ของรัสเซีย และการลงทุนในโครงการ Belt and Road ของจีน กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค
EBC Financial Group (EBC) วิเคราะห์ผลกระทบ การขยายตัวของประเทศสมาชิก BRICS ซึ่งกลุ่มพันธมิตรก่อตั้งคือ บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ ปัจจุบันประเทศสมาชิก BRICS มีประชากรประมาณครึ่งหนึ่งของโลก คิดเป็น 40% ของ GDP โลก อิงจากการรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งทำให้กลุ่ม BRICS มีอิทธิพลอย่างมากในตลาดโลก ในด้านพลังงาน สมาชิก BRICS เช่น รัสเซียและบราซิลเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่จีนและแอฟริกาใต้เป็นผู้นำในการผลิตทองคำและแพลทินัม ตามข้อมูลองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) และสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) นักวิเคราะห์จาก Chatham House เน้นย้ำว่า อำนาจทางเศรษฐกิจนี้ ทำให้กลุ่ม BRICS สามารถเปลี่ยนกระแสการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาดพลังงานและกลุ่มแร่ต่างๆ ได้
การขยายตัวของ BRICS เริ่มส่งผลกระทบในตลาดหลักทั่วโลก ตั้งแต่ความผันผวนของสกุลเงินไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ด้วยความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นในข้อตกลงการค้าและการจัดการทรัพยากร คาดว่าตลาดน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และโลหะมีค่า เช่น ทองคำและเงิน กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ EBC ติดตามตลาดและวิเคราะห์ปัจจัย โดยมุ่งเน้นเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อทางการเงินโลก ดังนี้
ผลกระทบต่อตลาด
ความผันผวนของสกุลเงินในกลุ่มประเทศสมาชิก USD/INR และ RMB/KZT กลายเป็นจุดสำคัญ ท่ามกลางการพัฒนาของข้อตกลงทางการค้าและนโยบายเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน การจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพของ BRICS กำลังส่งผลให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ทองคำและเงิน
ดัชนีตลาดเกิดใหม่ มีแนวโน้มที่จะดึงดูดกระแสเงินทุนจากต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากได้รับแรงขับเคลื่อนจากโครงการริเริ่มของ BRICS ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและขยายความร่วมมือด้านการค้า สะท้อนถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของกลุ่ม BRICS ต่อตลาดหุ้นโลก พร้อมทั้งเปิดโอกาสการเติบโตในระยะยาว
โอกาสสำหรับนักลงทุน
การเพิ่มประเทศสมาชิก BRICS นำมาซึ่งโอกาสในตลาดการเงินทั่วโลก :
ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ : การเพิ่มประเทศสมาชิกส่งผลให้เกิดสกุลเงินที่น่าลงทุน เช่น USD/INR, USD/MYR และ RMB/KZT อาจมีความผันผวนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การปรับอัตราดอกเบี้ยในประเทศสมาชิก BRICS ก็มีความน่าสนใจ เช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของอินโดนีเซียเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของภูมิภาคที่ส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
สินค้าโภคภัณฑ์ : ประเทศสมาชิก BRICS มีบทบาทสำคัญในตลาดน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และโลหะ ความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในด้านข้อตกลงการค้าและการจัดการทรัพยากร คาดว่าจะส่งผลต่อน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ โดยเฉพาะคาซัคสถานเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในฐานะผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่ ในตลาดโลหะ จีนและแอฟริกาใต้ยังครองตำแหน่งผู้นำการผลิตทองคำและแพลตินัม อีกทั้งความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับพลังงานสีเขียว ยิ่งเพิ่มโอกาสการลงทุนในสินทรัพย์โลหะมีค่าและโลหะอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
ดัชนีหุ้น : การเข้าร่วมของประเทศเศรษฐกิจใหม่อย่างอุซเบกิสถานและไทย เปิดโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นเหล่านี้ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในกลุ่ม BRICS เช่น National Wealth Fund ของรัสเซีย และการลงทุนในโครงการ Belt and Road ของจีน คาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค โครงการเหล่านี้มีศักยภาพสูงในการยกระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นท้องถิ่น
การเข้าร่วม BRICS ของอินโดนีเซียและมาเลเซีย ถือเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างบทบาทของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเวทีการค้าและการเงินระดับโลก การพัฒนานี้สะท้อนถึงการบูรณาการของตลาดจากภูมิภาคต่างๆ เข้ากับเศรษฐกิจโลกที่กำลังเติบโต โดยเน้นความสำคัญของความโปร่งใสในการดำเนินงาน การเข้าถึงโอกาสต่างๆ และความยืดหยุ่นในระบบการซื้อขายท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพลศาสตร์ทางภูมิรัฐศาสตร์