ประเทศจีนกลายเป็นผู้นำการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ โดย Solar Energy ของจีนครองสัดส่วนกว่า 80% ของการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลก มีปริมาณการผลิตสูงกว่าประเทศใหญ่ ๆ อย่างสหรัฐและสหภาพยุโรป มาตั้งแต่ปี 2013 นั่นทำให้บริษัททั่วโลกหมายมั่นเข้ามาลงทุนในจีน
รัฐบาลจีน บรรจุแผนการพัฒนาพลังงานสะอาด ไว้ตั้งแต่ฉบับที่ 10 (ปี 2001-2006) นั่นหมายความว่า จีนให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มามากกว่า 20 ปี โดยเฉพาะในฉบับที่ 12 ที่เน้นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของพลังงานสะอาดทั่วโลก
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้มีการตั้งเป้าหมายไว้ชัดเจนว่า จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด (non-fossil fuels) ให้ถึง 25% ของทั้งหมด ภายในปี 2030
จีนยังเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมไฮโดรเจนสีเขียว ที่กำลังขยายตัวของเอเชีย ทำให้ภูมิภาคนี้มีส่วนแบ่งเกือบ 70% ของกำลังการผลิตเครื่องอิเล็กโทรไลเซอร์ไฮโดรเจนของโลก ซึ่งพลังงานไฮโดรเจน เมื่อถูกเผาแล้ว จะให้ไอน้ำและพลังงานความร้อน โดยไม่มีควันหรือมลพิษเกิดขึ้น จึงสามารถนำไปใช้ผลิตไฟฟ้า ทำความร้อน และลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมได้ มีการคาดหมายว่า โลกอาจต้องใช้ไฮโดรเจนอย่างน้อย 430 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2050 เทียบกับ 95 ล้านตันในปี 2022 ซึ่งมีแนวโน้มสร้างโอกาสทางธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนมาก
จึงไม่แปลกที่แม้จะเกิดสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐฯกับจีน แต่บริษัทชั้นนำทั่วโลก ยังคงมุ่งหน้าเข้าสู่จีน หรือขยายการลงทุนในจีนอย่างต่อเนื่อง อาทิ ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล (Apple) ที่กล่าวกับ หวังเหวินเทา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน ในโอกาสเข้าร่วมประชุมเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศจีน ปี 2025 ณ กรุงปักกิ่งเมื่อวันจันทร์ (24 มี.ค.) ที่ผ่านมาว่า แอปเปิลจะยังคงเพิ่มการลงทุนในภาคส่วนต่างๆ เช่น ห่วงโซ่อุปทาน การวิจัยและพัฒนา และความรับผิดชอบต่อสังคมในจีน โดยมุ่งหวังที่จะสนับสนุนการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงของจีน และบริษัทพร้อมดำเนินบทบาทเชิงรุกในการส่งเสริมการพัฒนาที่มีเสถียรภาพและแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
แอปเปิลประกาศว่าจะมีการขยายห้องปฏิบัติการในเซี่ยงไฮ้ และเปิดห้องปฏิบัติการแห่งใหม่ในเสิ่นเจิ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การวิจัยและทดสอบผลิตภัณฑ์สำคัญ เช่น iPhone และแว่น Vision Pro สะท้อนว่าจีนไม่ได้เป็นเพียงตลาดที่สำคัญรองจากสหรัฐฯ แต่ยังเป็นห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญสำหรับ Apple ด้วย คุกกล่าวว่า “แอเปิลยินดีที่จะคว้าโอกาสจากความเปิดกว้างของจีน และจะขยายการลงทุนต่อไป มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมคุณภาพสูง”
เช่นเดียวกับ ไบรอัน ไซค์ส ประธานและซีอีโอของคาร์กิลล์ (Cargill) ที่เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีนในวันเดียวกันว่า คาร์กิลล์มุ่งมั่นจะนำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพสูงและเชื่อถือได้แก่ผู้บริโภคชาวจีน พร้อมแสดงความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาในอนาคตของจีน พร้อมสำทับว่าคาร์กิลล์จะขยายการลงทุนในจีน รวมถึงสร้างสรรค์นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น
หรือ คริสเตียโน อามอน ประธานและซีอีโอของควอลคอมม์ (Qualcomm) ซึ่งกล่าวกับ หวังเหวินเทา ว่า ควอลคอมม์ดำเนินธุรกิจในจีนมานานเกือบ 30 ปีแล้ว และประสบผลสำเร็จโดดเด่น โดยควอลคอมม์จะยังคงเพิ่มการลงทุนในจีนและเกื้อหนุนการเจรจาเชิงสร้างสรรค์ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ด้วยความเชื่อมั่นแรงกล้าต่อการพัฒนาในอนาคตของจีน
เมอร์ลิน สไวร์ ซีอีโอของบริษัท จอห์น สไวร์ & ซันส์ ลิมิเต็ด (John Swire & Sons Limited) และ วาส นาราซิมฮาน ซีอีโอของบริษัทโนวาร์ตีส (Novartis) ก็ได้หารือกับ หานเจิ้ง รองประธานาธิบดีจีน ในวันเดียวกันว่า ซีอีโอทั้งสอง ชื่นชมความสำเร็จด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งสองเชื่อมั่นการลงทุนในจีน และมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มในอนาคตของจีน ทั้งสองบริษัทแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินความร่วมมือระยะยาวกับจีน โดยระบุว่าพวกเขาจะขยายการลงทุนและทำงานเพื่อปูทางสู่ผลลัพธ์ใหม่ๆ ในความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างสหราชอาณาจักรและจีน รวมถึงสวิตเซอร์แลนด์และจีน
“การประชุมสองสภา” ในจีนเมื่อไม่นานนี้ ได้ส่งสัญญาณเชิงบวก แสดงความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นของจีน ในการขยายการเปิดกว้างที่มีมาตรฐานสูง และรักษาเสถียรภาพการเติบโตของเศรษฐกิจในสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศอันซับซ้อน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสแก่ผู้ประกอบการทั่วโลก ในการผลิตสินค้าที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
ขอบคุณภาพประกอบจากซินหัว
