ทางออกของโลก “ยุคใหม่”“การเมืองการปกครอง”ของจีนนำพาปชช. “สู่ความผาสุก”ผู้นำไทย “ต้องเรียนรู้ “

“….3 กฎเกณฑ์ใหญ่ที่จะกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนของสังคมโลกไปสู่อนาคตชนิด”ไม่มีทางเป็นอื่น” กฎเกณฑ์แรกคือประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติได้ก้าวเข้าสู่ขั้นของ”ประวัติศาสตร์หรรษา” มนุษย์เราจะหมดทุกข์หมดโศกกับการเบียดเบียนขูดรีดของกลุ่มอำนาจที่ถือเอาผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ประการที่สอง ประเทศต่างๆจะมุ่งไปสู่การสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองรอบด้าน ตั้งอยู่บนฐานของความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ประการที่สาม การบริหารอำนาจปกครอง อำนาจของประชาชนในรูปสภาประชาชน พัฒนาสร้างสรรค์สังคมด้วยอัจริยภาพของมวลชน ต่างจากแบบอย่างที่เคยเป็นมาที่ยังติดยึดอยู่กับผลประโยชน์เฉพาะตัวที่คับแคบ ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีเท่านั้น ตรงกันข้าม อาจกลายเป็นแบบอย่างที่เลว ทางการเมืองการปกครอง ประเทศทุนนิยมตะวันตก ถือเป็นต้นแบบของการเมืองเลือกตั้งทั่วโลก แต่กลับปรากฎว่าประเทศต้นแบบต่างประสบกับปัญหาที่คล้ายคลึงกัน เช่นปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน สังคมไม่เป็นสุข ฯลฯ มาถึงวันนี้ปรากฏมีต้นแบบใหม่คือจีนที่พัฒนาตัวเองได้โดดเด่นรอบด้าน ทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจ สำหรับประเทศไทยถึงเวลาแล้วที่จะต้องสลัดตัวเองครั้งใหญ่ เพื่อให้หลุดพ้นจากการถือเอากลุ่มทุนเป็นศูนย์กลาง มาเป็นถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางและดำเนินระบอบประชาธิปไตยประชาชนที่สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของคนไทย สังคมไทย…”

ทางออกของโลกยุคใหม่ 新时代的世界出路

มาถึงวันนี้ ผู้เขียนพอจะกล้าชวนท่านผู้อ่านเข้าถึง 3 กฎเกณฑ์ใหญ่ที่จะกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนของสังคมโลกไปสู่อนาคตชนิด”ไม่มีทางเป็นอื่น”

กฎเกณฑ์แรกคือประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติได้ก้าวเข้าสู่ขั้นของ”ประวัติศาสตร์หรรษา” มนุษย์เราจะหมดทุกข์หมดโศกกับความขาดแคลนแร้นแค้นทางวัตถุ และการเบียดเบียนขูดรีดของกลุ่มอำนาจที่ถือเอาผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง ซึ่งย่อมหมายถึงว่าปฐมเหตุของความขัดแย้งแย่งชิงกันจนกระทั่งเกิดเป็นสงครามจะหมดสิ้นไป สันติสุขจะปรากฏไปทั่วทั้งดาวโลกดวงนี้

ประการที่สอง เป้าหมายการพัฒนาของประเทศต่างๆจะมุ่งไปสู่การสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองรอบด้าน ประชาชนอยู่ดีกินดีถ้วนหน้า ผาสุกชั่วนิรันดร์ การกำหนดนโยบายใดๆจะตั้งอยู่บนฐานของความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง มุ่งสนองตอบความต้องการของประชาชนในทุกขั้นตอน

ประการที่สาม การบริหารอำนาจปกครองจะดำเนินไปด้วยกลไกต่างๆที่ล้วนแต่ก่อตั้งขึ้นบนฐานอำนาจของประชาชน ในรูปสภาประชาชน ที่ถือเอาสังคมเป็นที่ตั้ง และถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ดำเนินการพัฒนาสร้างสรรค์สังคมประเทศชาติ ด้วยอัจริยภาพของมวลชน ภายใต้การนำของคณะผู้นำทุกระดับชั้นที่ผ่านกระบวนการคัดกรองของระบบปฏิบัติการที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งยวดกว่ายุคใดๆ

โดยตลอดกระบวนการทั้งหมดที่ดำเนินไปในกรอบกฎเกณฑ์ใหญ่ 3 ประการนี้ จะปรากฏ”อานุภาพแห่งแบบอย่าง” ทำหน้าที่ชี้ทิศนำทางอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งแบบอย่างเชิงประวัติศาสตร์นี้ จะคอยชี้นำการขับเคลื่อนของกระบวนพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตาม3กฎเกณฑ์ใหญ่นี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ในอดีตหรือกระทั่งปัจจุบัน การเลียนแบบหรือศึกษาแบบอย่างที่ดีกว่า ก้าวหน้ากว่า ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพียงแต่ว่าแบบอย่างที่เคยเป็นมายังติดยึดอยู่กับผลประโยชน์เฉพาะตัวที่คับแคบ ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีเท่านั้น ตรงกันข้าม อาจกลายเป็นแบบอย่างที่เลว

เช่นการแข่งขันกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีการนวัตกรรมใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ต่อชาวโลกเกิดขึ้นมากมาย เพียงพอที่จะกระจายไปสู่การสร้างความเจริญก้าวหน้าไปทั่วทั้งโลก แต่การผูกขาดของกลุ่มทุน ทำให้การกระจายตัวของนวัตกรรมใหม่ๆถูกจำกัดอยู่ในกรอบแคบๆของกำไรสูงสุด

ในที่สุด ความเจริญก้าวหน้าของสังคมจึงเป็นไปอย่างจำกัด การศึกษาเลียนแบบเพื่อนำไปประยุกต์ใช้และต่อยอดจึงทำไม่ได้เต็มที่

จึงไม่แปลกที่ไมโครซอฟต์เติบโตขึ้นด้วยการผูกขาดตลาดซอฟต์แวร์ ขณะที่อินวิเดียก็ทำท่าจะผูกขาดตลาดชิปส์เอไอทั่วโลกเช่นเดียวกัน
โดยที่ทั้งโลกต้องตกที่นั่งเดียวกันคือเป็นเพียงลูกค้า

เห็นชัดว่าการผูกขาดคืออุปสรรคสำคัญของการเลียนแบบต่อยอด

ทางการเมืองการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยในประเทศทุนนิยมตะวันตก ถือเป็นต้นแบบของการเมืองเลือกตั้งทั่วโลก แต่กลับปรากฎว่า ณ วันนี้ ทั้งในประเทศต้นแบบ เช่นสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกโดยรวม ตลอดจนประเทศเลียนแบบในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ต่างประสบกับปัญหาที่คล้ายคลึงกัน เช่นปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน สังคมไม่เป็นสุข ฯลฯ

มาถึงวันนี้ กระบวนการเลียนแบบกำลังเปลี่ยนไป เมื่อปรากฏมีต้นแบบใหม่คือจีนที่พัฒนาตัวเองได้โดดเด่นรอบด้าน ทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจ

อย่างเช่นความสำเร็จของDeepSeekทางด้านเอไอ ก็ได้สร้างโอกาสให้แก่ผู้ต้องการศึกษาเลียนแบบและนำไปต่อยอดประยุกต์ใช้อย่างไร้ขีดจำกัด

หรือการใช้อำนาจปกครองตามระบอบ”ประชาธิปไตยประชาชนตลอดกระบวนการ” ก็กำลังกลายเป็นต้นแบบของประเทศต่างๆในการปฏิรูประบบการบริหารประเทศของตนเอง เพื่อให้ทันกับการพัฒนาเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกในส่วนที่จีนเป็นหัวเรือใหญ่ ที่มีแนวโน้มไล่ทันและทิ้งห่างตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับประเทศไทย ผู้เขียนเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสลัดตัวเองครั้งใหญ่ เพื่อให้หลุดพ้นจากการถือเอากลุ่มทุนเป็นศูนย์กลาง มาเป็นถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางและดำเนินระบอบประชาธิปไตยประชาชนที่สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของคนไทย สังคมไทย

ไขคำจีน
出路 ชูลู่ ทางออก