
นางสาวศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากเครือข่ายพลังสองแควเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ระบุว่า โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนหงสาลิกไนต์ของ สปป. ลาว (ดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อปี 2558) มีเสาไฟฟ้าพาดผ่านพื้นที่ทำกิน ที่อยู่อาศัยของเกษตรกรและประชาชนในตำบลนาไร่หลวง และตำบลชนแดน อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติในพื้นที่ เช่น พื้นที่ป่าไม้เขตอนุรักษ์ และป่าชุมชนลดลง การประกอบอาชีพเกษตรกรรมของประชาชนเปลี่ยนแปลงไป แม่ไก่ฟักไข่เป็นไข่ข้าว ปลาไม่โตตามเวลา ผลผลิตการเกษตรใต้แนวสายส่งลดลง ประชาชนต้องเผชิญกับเสียงดังรบกวนจากสายส่งเสาไฟฟ้า เสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบในช่วงฤดูฝน และรู้สึกไม่ปลอดภัยจากเสาไฟฟ้าที่อาจไม่มีสายดิน ที่ดินของประชาชนที่มีเสาไฟฟ้าพาดผ่านกลายเป็นพื้นที่มีตำหนิส่งผลต่อการออกโฉนดที่ดิน และยังคงมีปัญหาไฟฟ้าดับบ่อย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวันของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยติดเตียงที่จำเป็นต้องพึ่งพาถังออกซิเจน แม้ว่า กฟผ. จะแจ้งว่าวัตถุประสงค์ส่วนหนึ่งของโครงการคือการนำกระแสไฟฟ้ามาแก้ไขปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยให้กับประชาชนในพื้นที่ก็ตาม นอกจากนี้ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าเส้นใหม่ ของ กฟผ. ในฐานะ ผู้ถูกร้อง ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจและกำหนดแนวสายส่งไฟฟ้าพาดผ่านในพื้นที่ตำบลชนแดนและตำบลนาไร่หลวงเช่นเดิมนั้น ผู้นำชุมชนและประชาชนไม่ทราบเรื่องการสำรวจและแนวเส้นสำรวจสายส่งไฟฟ้ามาก่อน ทำให้อาจจะกระทบสิทธิในที่ดินของประชาชน และประชาชนในพื้นที่ยังไม่มีส่วนร่วมในโครงการทั้งสองของผู้ถูกร้อง จึงขอให้ตรวจสอบ
กสม. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า การดำเนินโครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ รับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนหงสาลิกไนต์ สปป. ลาว รวมทั้งการดำเนินระบบโครงข่ายไฟฟ้าเส้นใหม่ คือ โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาว ของ กฟผ. ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามขั้นตอนของกฎหมาย มีพื้นที่พาดผ่านพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และมีพื้นที่พาดผ่านพื้นที่ป่าโซน C ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดน่านครอบคลุมพื้นที่ทั้งสองช่วงในตำบลชนแดนและตำบลนาไร่หลวง อำเภอสองแคว อันเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงาน EIA รวมทั้งกฎหมายอื่นที่เปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมแล้ว โดยได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะมากำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวรวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนตามที่เสนอในรายงาน EIA และรายงาน IEE อย่างเคร่งครัด รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ยังไม่มีการประกาศกำหนดเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า ในชั้นนี้ จึงยังไม่อาจรับฟังได้ว่า การดำเนินโครงการทั้งสองของผู้ถูกร้อง ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน
สำหรับประเด็นผลกระทบต่อสุขภาพ สภาพแวดล้อม วิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน นั้น เห็นว่า ผู้ถูกร้องดำเนินโครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้า 500 กิโลโวลต์ฯ ตั้งแต่ปี 2558 มีการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นประจำทุก 2 เดือน และมีมาตรการลดความเสี่ยงและแนวทางการเยียวยาความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามรายงานผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan on Business and Human Rights: NAP) แต่ยังมีประชาชนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ไฟฟ้าดับบ่อยที่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยติดเตียงที่ต้องพึ่งพาออกซิเจนและเครื่องมือแพทย์ การตัดต้นไม้ส่งผลกระทบต่อแหล่งต้นน้ำลำธารในพื้นที่ การปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง การคืนประโยชน์สู่ชุมชนที่ไม่ชัดเจนหรือเพียงพอในด้านต่าง ๆ รวมทั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งมีชีวิต เช่น สาเหตุการเสียชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูง การเจ็บป่วยของประชาชน และอาการผิดปกติและการตายของสัตว์น้ำและสัตว์เลี้ยง
ขณะที่การดำเนินระบบโครงข่ายไฟฟ้าเส้นใหม่ คือ โครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาว ได้กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญไว้ และมีข้อกำหนดให้ผู้ถูกร้องเร่งดำเนินการแก้ไขปรับปรุงข้อร้องเรียนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไว้ในรายงาน EIA และผู้ถูกร้องยังมีนโยบายให้มีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบข้อสงสัยของประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบของระบบโครงข่ายไฟฟ้าต่อการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์โดยตรง จึงเห็นว่า ผู้ถูกร้องได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังไม่ปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ชัดว่าเสาไฟฟ้าแรงสูงสามารถกระตุ้นความเสี่ยงให้เกิดโรคร้ายแรงได้ และไม่พบการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของพืชหลักในแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ในชั้นนี้ จึงยังไม่อาจรับฟังได้ว่าการดำเนินโครงการทั้งสองของผู้ถูกร้องส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สภาพแวดล้อม วิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้ถูกร้องได้ปฏิบัติตามมาตรการและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องครบถ้วน แต่ยังคงมีปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงต่อประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น เพื่อคุ้มครองสิทธิในการดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพของประชาชน และยังเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องคุ้มครอง บำรุงรักษา ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR) ที่ได้ให้การรับรองไว้ กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 จึงมีข้อเสนอแนะไปยัง กฟผ. ในฐานะผู้ถูกร้องและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปได้ดังนี้
ให้ กฟผ. เร่งดำเนินการศึกษาและวิจัยร่วมกับหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษา เกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้าต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ทั้งในระยะสั้นและระยาว และร่วมกับจังหวัดน่าน เฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง โดยตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมและตรวจสุขภาพให้ประชาชนในพื้นที่หมู่บ้านที่สายส่งไฟฟ้าพาดผ่าน และให้แจ้งข้อมูลผลการตรวจและมาตรการเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ หรือผ่านผู้นำชุมชน เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการทั้งสอง พร้อมทั้งดำเนินการคืนประโยชน์ให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบ อาทิ จัดสรรงบประมาณดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้แนวเสาไฟฟ้าแรงสูง จัดสรรงบประมาณปลูกต้นไม้ทดแทนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และส่งเสริมอาชีพอย่างยั่งยืนในพื้นที่ทำกินของประชาชนที่ใกล้แนวเสาไฟฟ้าแรงสูง รวมทั้งการจ่ายเงินค่ารอนสิทธิในที่ดินของประชาชนให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
ให้ กฟผ. ดำเนินการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence: HRDD) ของทั้งสองโครงการเป็นประจำทุกปีเพื่อประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมทั้งพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมที่มีความหมาย เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงและรับรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งมีส่วนร่วมตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ โดยให้กระทรวงพลังงานจัดทำแผนตรวจสอบ ติดตาม และเผยแพร่รายงานผลการประเมินการทำ HRDD ทั้งสองโครงการของ กฟผ. ให้ประชาชนทั่วไปรับทราบ
นอกจากนี้ ให้ กฟผ. และกระทรวงพลังงาน ถอดบทเรียนผลการดำเนินโครงการระบบสายส่งไฟฟ้าที่ผ่านมา โดยรวบรวมปัญหาอุปสรรค และข้อร้องเรียน เพื่อนำไปแก้ไขหรือปรับปรุงการดำเนินโครงการในระยะต่อไปให้เป็นไปตามหลักการชี้แนะแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (UNGPs) และให้มีการทำ HRDD โดยครอบคลุมมิติผลกระทบต่อชุมชน ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ ให้ดำเนินการในโครงการระบบโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป. ลาว ที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีมติเห็นชอบต่อรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567





