วันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) สนธิกำลังร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช., ป.ป.ท. และ ป.ป.ง. เปิดปฏิบัติการ “นารีพิฆาตพระ” เข้าจับกุม น.ส.วิลาวัลย์ฯ หรือ “สีกากอล์ฟ” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ จ.66/2567 ในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือของผู้อื่นโดยทุจริต หรือยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, รับของโจร, สมคบกันฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน”
การจับกุมเกิดขึ้นที่หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งใน ต.บางพลับ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยจากการสอบปากคำเบื้องต้น สีกากอล์ฟให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
เปิดโปงพฤติการณ์ทุจริตและฟอกเงิน ปฏิบัติการครั้งนี้เริ่มต้นจากการที่นายสุรชัยฯ ผู้รับมอบอำนาจจากวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับ พระเทพพัชราภรณ์ หรือนายสมพงษ์ฯ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม และบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
จากการสืบสวนพบว่า น.ส.วิลาวัลย์ฯ หรือสีกากอล์ฟ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับโอนเงินจากนายสมพงษ์ฯ โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้ทำการสืบสวนและบันทึกถ้อยคำนายสมพงษ์ฯ ซึ่งพบข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 มีการถอนเงินจากบัญชีวัดชูจิตธรรมาราม จำนวน 380,000 บาท แล้วนำเงินจำนวนดังกล่าวฝากเข้าบัญชีธนาคารของนายสมพงษ์ฯ ก่อนจะโอนต่อไปยังบัญชีของ น.ส.วิลาวัลย์ฯ ในวันเดียวกัน
พนักงานสอบสวนระบุว่า น.ส.วิลาวัลย์ฯ รู้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินของวัด แต่ยังคงแจ้งให้นายสมพงษ์ฯ โอนเงินให้ ซึ่งถือว่ามีเจตนาแบ่งหน้าที่กันทำ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและแจ้งข้อกล่าวหานายสมพงษ์ฯ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม ในข้อหา “เจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”
เงินหมุนเวียนปริศนา 385 ล้านบาท และข้อหาเพิ่ม
พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า เบื้องต้นพบเงินในบัญชีของสีกากอล์ฟ มีเงินโอนเข้ามาจำนวน 385 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าตกใจอย่างยิ่ง แม้ว่าอดีตเจ้าอาวาสจะอ้างว่านำเงินส่วนตัวไปคืนบัญชีวัดแล้ว แต่การนำเงินออกจากบัญชีวัดถือว่าความผิดสำเร็จแล้วในฐานทุจริตต่อหน้าที่ ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาของเงิน 12.8 ล้านบาท ที่อดีตเจ้าอาวาสอ้างว่าเป็นเงินส่วนตัว
พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ระบุว่า ผู้ต้องหาไม่สามารถอ้างได้ว่าไม่รู้ว่าเงิน 3.8 แสนบาทเป็นเงินวัด เนื่องจากเป็นการโอนเงินต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคม 2567
แฉพฤติกรรมข่มขู่รีดทรัพย์พระหลายรูปนอกจากคดีที่เกี่ยวข้องกับวัดชูจิตธรรมารามแล้ว น.ส.วิลาวัลย์ฯ หรือสีกากอล์ฟ ยังถูกกองบังคับการปราบปรามแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก 2 คดี ในความผิดฐาน รีดเอาทรัพย์ และ ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชื่อเสียงของผู้ถูกข่มขืนใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคแรก และ 338 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี
จากการสืบสวนพบพฤติการณ์ของ น.ส.วิลาวัลย์ฯ คือ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 ขณะที่ นายณรินทร ใยอุ่น (ผู้เสียหาย) ยังเป็นพระภิกษุและดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ต้องหาได้โทรศัพท์รบเร้าขอเงินพร้อมข่มขู่ว่า หากไม่โอนเงินให้ จะนำเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศไปเปิดเผยต่อเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ผู้เสียหายจึงโอนเงิน 8,000 บาท ไปยังบัญชีผู้ต้องหา และบันทึกในสลิปว่า “support container SG” ซึ่ง SG หมายถึงชื่อโปรไฟล์ไลน์ของผู้ต้องหา ต่อมาในเดือนมกราคม 2566 ผู้ต้องหาได้ข่มขืนใจผู้เสียหายให้จัดทำหนังสือร้องเรียนว่า พระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์) มีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ต้องหา โดยข่มขู่ว่าหากไม่ทำ จะเปิดเผยความสัมพันธ์ที่ทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง นอกจากนี้ ยังมีการข่มขู่รีดเอาทรัพย์อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรอีกด้วย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวเสริมว่า คลิปส่วนใหญ่ที่พบไม่แสดงใบหน้าของสีกากอล์ฟ แต่จะแสดงพฤติกรรมของเหยื่อหลังเสร็จกิจ พร้อมภาพและเสียง หรือบันทึกแชทไว้ โดยมีเจตนาจะใช้ในการกรรโชกทรัพย์หากเกิดปัญหาในอนาคต การดำเนินคดีครั้งนี้จะดำเนินการทั้งในส่วนของคดีอาญาและวินัยสงฆ์ไปพร้อมๆ กัน โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบทุกวัดที่เกี่ยวข้อง และจะเดินหน้าตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งหมดเพื่อนำผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมายต่อไป