วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 28, 2025
หน้าแรกอาชญากรรมกสม. ขอบคุณ ครม. ที่มีมติเห็นชอบให้ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาออกนอกค่ายพักพิงชั่วคราวและทำงานได้ ชมแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนกลุ่มนี้

Related Posts

กสม. ขอบคุณ ครม. ที่มีมติเห็นชอบให้ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาออกนอกค่ายพักพิงชั่วคราวและทำงานได้ ชมแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนกลุ่มนี้

นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เห็นชอบมาตรการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ รวมทั้งเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมตามมติ ครม. และประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามมติ ครม. เป็นผลให้ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 77,700 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว 9 แห่ง ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และราชบุรี สามารถเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ควบคุมเพื่อทำงานในไทยได้ นั้น

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอขอบคุณ ครม. ที่เห็นชอบให้ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาสามารถเดินทางออกไปทำงานนอกเขตพื้นที่พักพิงชั่วคราวได้ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้หนีภัยจำนวนมากต้องอยู่ภายในค่ายพักพิงชั่วคราวโดยไม่มีอนาคต ขาดมาตรฐานการครองชีพที่เหมาะสมและเพียงพอ โดยบางคนอยู่มานานถึง 40 ปี เป็นเหตุให้ต้องลักลอบออกมาเป็นแรงงานในชุมชนใกล้เคียงและมักถูกแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เช่น จำต้องยินยอมให้ถูกเอารัดเอาเปรียบค่าจ้าง หรือถูกเรียกรับเงินเพื่อไม่ให้ถูกจับกุมเมื่อเดินทางออกนอกพื้นที่ อีกทั้งปัจจุบันรัฐบาลต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาตัดงบประมาณที่เคยให้การสนับสนุน มาตรการของรัฐในครั้งนี้จึงเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบ ทันต่อสถานการณ์ และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้หนีภัยการสู้รบ

กสม. เห็นว่า มาตรการของรัฐดังกล่าวนอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยในเชิงเศรษฐกิจ ลดการลักลอบทำงานผิดกฎหมาย ลดภาระของรัฐในการดูแลผู้หนีภัยในระยะยาว และเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้หนีภัยได้มีสิทธิในการทำงานและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี อันสอดคล้องตามข้อเสนอแนะของ กสม. ที่ 113-114/2567 เรื่อง ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนต่อผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราว ลงวันที่ 23 เมษายน 2567 ที่ระบุให้หน่วยงานของรัฐเตรียมความพร้อมให้ผู้หนีภัยมีทักษะที่จำเป็นต่อการทำงาน และควรผ่อนปรนให้สามารถเดินทางออกจากพื้นที่พักพิงชั่วคราวเพื่อทำงานหรือเพื่อเข้าเรียนในสถานศึกษาได้ นอกจากนี้ ให้มีการส่งเสริมรายได้โดยจัดหาตลาดจำหน่ายสินค้าของผู้หนีภัย เช่น ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร หรือสินค้าหัตถกรรม ทั้งนี้ มาตรการต่าง ๆ ต้องครอบคลุมถึงการป้องกันการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบต่อผู้หนีภัยด้วย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts