“…. ภายหลังจากพบปะเจรจากับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่สนามบินเมืองปูซานเกาหลีใต้ เมื่อวันที่30ตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ได้บรรยายถึงความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน พร้อมกับนำเสนอแนวคิดเรื่องโลกยุคG2 ที่สหรัฐฯกับจีนจะร่วมกันบริหารโลก หมายถึงว่าผู้นำสหรัฐอเมริกาสลัดทิ้งกลุ่มG7 มาจับมือกับจีนจัดระเบียบโลก
น่าแปลกกลับมีเสียงตอบรับในเชิงบวก คล้ายกับว่าเมื่อเสือสองตัวนี้จับมือกัน สันติภาพก็จะเกิดขึ้น
สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเบื้องลึกของชาวโลกในเรื่องสันติภาพ การพัฒนาและความยุติธรรม
ทีนี้ ในทางเป็นจริง ทิศทางขับเคลื่อนของสังคมโลกหลังจากนี้จะดำเนินไปในแนวใด?
ตามคำวินิจฉัยของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ว่า สังคมโลกกำลังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบร้อยปี ในลักษณะที่”ตะวันออกลอยสูง ตะวันตกคล้อยต่ำ” จีนอยู่ในฐานะที่กำลังลอยสูง ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะรีบร้อนรวบรัดจัดระเบียบโลกใหม่โดยพลการเพียงเพื่อผลประโยชน์เฉพาะตัว ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาแม้จะสำคัญมาก แต่ก็ไม่อยู่เหนือกฎเกณฑ์การพัฒนาของประวัติศาสตร์
ถ้าให้จีนเลือกระหว่างสหรัฐอเมริกากับโลกทั้งใบ จีนย่อมเลือกที่จะร่วมกับทั้งโลกเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ๆต่อไป และก็ไม่ปิดโอกาสที่สหรัฐอเมริกาจะเดินตาม…”

ทิศทางโลกหลังทรัมป์จับมือสี特与习握手后的世界走向
ภายหลังจากพบปะเจรจากับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงราว1ชั่วโมง40นาที ที่สนามบินเมืองปูซานเกาหลีใต้ เมื่อวันที่30ตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็เดินทางกลับอเมริกา ระหว่างนั้นก็ได้บรรยายถึงความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน พร้อมกับนำเสนอแนวคิดเรื่องโลกยุคG2 ที่สหรัฐฯกับจีนจะร่วมกันบริหารโลก
หมายถึงว่าผู้นำสหรัฐอเมริกาสลัดทิ้งกลุ่มG7 มาจับมือกับจีนจัดระเบียบโลก
มองในมุมหนึ่งสหรัฐอเมริกายอมรับว่าประเทศจีนได้ก้าวขึ้นมาทาบรัศมีตนแล้วอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะใช้สงครามการค้าแบบไหน ข่มขู่อย่างไร ก็กินจีนไม่ลง ตรงกันข้ามกลับตื้อตันทันทีที่โดนจีนสวนกลับในแทบทุกจังหวะ
ขืนยืนซดกันต่อไป เห็นท่าจะไม่ได้การ ทางออกที่ดีก็คือรักษาสถานะความเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งเอาไว้ แล้วให้จีนมายืนประกบในฐานะมหาอำนาจหมายเลขสอง
สองมหาอำนาจร่วมกันปกครองทั้งโลก น่าจะสวยที่สุด
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ แนวคิดG2ไม่อยู่ในสายตาของผู้นำอเมริกา ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าก็มีการพูดถึงG2 แต่ถูกโอบาม่าปฏิเสธ เนื่องจากกำลังดำเนินนโยบาย”กลับสู่เอเชีย” ตามแนวคิดของนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกาสมัยนั้น
น่าแปลก แนวคิดของประธานาธิบดีทรัมป์นี้ กลับมีเสียงตอบรับในเชิงบวก มีการนำเสนอข่าวG2ต่อๆกันอย่างกว้างขวาง คล้ายกับว่าเมื่อเสือสองตัวนี้จับมือกันควบคุมคอกสัตว์ สันติภาพก็จะเกิดขึ้น บรรดาสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายก็จะกินอยู่กันอย่างสงบ
สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการเบื้องลึกของชาวโลกในเรื่องสันติภาพ
ความจริงแล้ว สิ่งที่ชาวโลกยุคนี้ต้องการมากที่สุดก็คือสันติภาพ การพัฒนาและความยุติธรรม
ลำพังสันติถาพไม่ใช่ทางออก พัฒนาอย่างไม่ยุติธรรมก็ไม่ใช่ทางเลือก
แต่หากสหรัฐฯกับจีนร่วมมือกันเป็นเจ้ากี้เจ้าการจัดการประชาคมโลก ชาวโลกก็ไม่มีทางเลือก
ปัญหาอยู่ที่ว่าจีนจะเอาด้วยหรือเปล่า?
เท่าที่ผู้เขียนเข้าใจจีน แนวคิดนี้ไม่ได้อยู่หัวของพวกเขาเลย
จีนมองการพัฒนาของสังคมโลกเชิงประวัติศาสตร์ที่ขับเคลื่อนไปตามเหตุปัจจัย และจีนยืนยันที่จะยืนอยู่บนความถูกต้องของประวัติศาสตร์ ดำเนินการพัฒนาตัวเองให้เจริญก้าวหน้า บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะเดียวกันก็ร่วมกับประเทศต่างๆทั่วโลกสร้างการเปลี่ยนแปลงแปลงใหม่ๆที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ร่วมกันโดยไม่แบ่งแยกว่าใครเหนือกว่าใคร ใครเป็นผู้กำหนด หรือใครยิ่งใหญ่กว่าใคร
ประชาคมโลกมีอนาคตร่วมกัน สามารถร่วมเดินไปด้วยกัน พัฒนาไปด้วยกัน เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน สร้างอารยธรรมใหม่ๆที่ขานรับกับความเรียกร้องต้องการของชาวโลกโดยรวมได้
อีกนัยหนี่ง จะจัดการอย่างไรกับโลก เป็นเรื่องของประเทศต่างๆทั่วโลกมาร่วมกันคิดร่วมกันทำ มิใช่ให้ใครบางคนหรือบางกลุ่มมุบมิบวางแผนแล้วขีดเส้นให้ทั้งโลกเดินตาม
ทีนี้ ในทางเป็นจริง ทิศทางขับเคลื่อนของสังคมโลกหลังจากนี้จะดำเนินไปในแนวใด?
ตามคำวินิจฉัยของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ว่า สังคมโลกกำลังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบร้อยปี ในลักษณะที่”ตะวันออกลอยสูง ตะวันตกคล้อยต่ำ” จีนอยู่ในฐานะที่กำลังลอยสูง ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะรีบร้อนรวบรัดจัดระเบียบโลกใหม่โดยพลการเพียงเพื่อผลประโยชน์เฉพาะตัว ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาแม้จะสำคัญมาก แต่ก็ไม่อยู่เหนือกฎเกณฑ์การพัฒนาของประวัติศาสตร์
ถ้าให้จีนเลือกระหว่างสหรัฐอเมริกากับโลกทั้งใบ จีนย่อมเลือกที่จะร่วมกับทั้งโลกเดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ๆต่อไป
และก็ไม่ปิดโอกาสที่สหรัฐอเมริกาจะเดินตาม!
ไขคำจีน
握手 อั้วโส่ว จับมือ


                                    
