“…..จีนมีผู้นำที่ดีเยี่ยมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นบริหารประเทศ ที่สำคัญเป็นผลจากการทำงานของระบบคัดกรองบุคคลคุณภาพสูงขึ้นเป็นผู้นำ ตั้งแต่การเคลื่อนไหวปฏิวัติที่นำโดยเหมาเจ๋อตง และภายหลังได้รับชัยชนะและสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นมาบนผืนแผ่นดินใหญ่จีน ซึ่งเมื่อสิ้นเหมาเจ๋อตงแล้ว จีนได้เข้าสู่ระบบคัดกรองผู้นำโดยการกระทำเป็นตัวอย่างของเติ้งเสี่ยวผิง เติ้งเสี่ยวผิงทำให้เห็นด้วยการตั้งหูเยี่ยวปังขึ้นเป็นเลขาธิการใหญ่พรรค เจ้าจื่อหยังเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วต่อมาจึงได้เลือกเจียงเจ๋อหมิน ขึ้นเป็นผู้นำ และสามารถนำพาจีนก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางปฏิรูปและเปิดกว้าง ตามแนวทางที่วางไว้แล้วในหลักปฏิบัติของทฤษฎีเติ้งเสี่ยวผิง จนถึงสีจิ้นผิงในปัจจุบัน จีนได้ก้าวเดินมาอย่างมั่นคงแข็งแรง ด้วยการนำของคณะผู้พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่โดดเด่นขึ้นมาในท่ามกลางการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทั้งในและนอกประเทศ สามารถพลิกจีนขึ้นมาเป็นผู้นำโลก การจัดการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นในจีนอย่างจริงจัง โดยไม่มีข้อยกเว้น สร้างความพึงพอใจให้แก่คนจีนเป็นอย่างมาก แม้ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกันประชาชนก็ต้องการให้ปราบการโกงการคอรัปชั่น แต่ดูเหมือนจะสิ้นหวังกันในทันทีที่เรียกร้อง เพราะต่างก็เห็นชัดกับตาอยู่ว่า กระบวนการได้มาซึ่งผู้นำการบริหารประเทศของเรา มันแตกต่างกับของจีนอย่างสิ้นเชิง ….”
จับทางจีน正视中国
สันติ ตั้งรพีพากร陈俊泰
ระบบกำหนดผู้นำ ผู้นำพัฒนาระบบ
制度决定领袖,领袖推动制度
ในสายตาชาวโลกวันนี้ จีนกำลังอยู่ในท่ามกลางกระบวนการหมุนเวียนเชิงบวก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจสังคมการเมืองการปกครอง โดยมีคณะผู้นำที่แข็งแกร่ง ทรงวิสัยทัศน์และทำงานเก่ง ทำหน้าที่ขับเคลื่อนประเทศ มาอย่างต่อเนื่องหลายทศวรรษ ส่งผลให้จีนที่ใหญ่โตและมีประชากรมาก พัฒนาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วและอย่างเป็นระบบแบบน่าทึ่ง ที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นกระบวนการขับเคลื่อนที่ครบถ้วนสมบูรณ์พร้อมทุกระดับแทบไม่มีที่ติ
อันเป็นปรากฏการณ์ที่หาไม่ได้ในประเทศอื่นใดในปัจจุบันนี้
สิ่งที่เราต้องศึกษาทำความเข้าใจก็คือ จีนมีผู้นำที่ดีเยี่ยมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นบริหารประเทศ ที่สำคัญเป็นผลจากการทำงานของระบบคัดกรองบุคคลคุณภาพสูงขึ้นเป็นผู้นำ ที่พัฒนาขึ้นมาตั้งแต่การเคลื่อนไหวปฏิวัติที่นำโดยเหมาเจ๋อตง และได้รับการยกระดับขึ้นเป็นระบบแบบแผนอย่างชัดเจนภายหลังได้รับชัยชนะและสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นมาบนผืนแผ่นดินใหญ่จีนแล้ว
ไม่นับเหมาเจ๋อตงที่ดำรงตำแหน่งผู้นำตลอดกาล ด้วยสถานภาพพิเศษที่เป็นผู้นำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งแต่ปีคศ.1934 อันเนื่องจากอัจฉริยภาพเหนือใครๆในด้านการนำ ทั้งในห้วงของการปฏิวัติและในช่วงต้นของการพัฒนาประเทศ วางรากฐานมั่นคงให้แก่การพัฒนาในขั้นต่อๆมาได้เป็นอย่างดี
เมื่อสิ้นเหมาเจ๋อตงแล้ว จีนได้เข้าสู่ระบบคัดกรองผู้นำโดยการกระทำเป็นตัวอย่างของเติ้งเสี่ยวผิง ที่เน้นไปยังการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมขึ้นเป็นผู้นำ จึงทำให้เกิดการผลัดเปลี่ยนผู้นำอย่างเป็นระบบ ดังที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในทุกวันนี้
เติ้งเสี่ยวผิงทำให้เห็นด้วยการตั้งหูเยี่ยวปังขึ้นเป็นเลขาธิการใหญ่พรรค เจ้าจื่อหยังเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อพิสูจน์แล้วว่าไม่อาจสู้กับกระแสโจมตีของโลกตะวันตกได้ในเหตุการณ์จลาจลที่จัตุรัสเทียนอันเหมินปี1989 จึงได้เลือกเจียงเจ๋อ
หมินขึ้นเป็นผู้นำ และสามารถนำพาจีนก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางปฏิรูปและเปิดกว้าง ตามแนวทางที่วางไว้แล้วในหลักปฏิบัติของทฤษฎีเติ้งเสี่ยวผิง
ด้วยการนำของเจียงเจ๋อหมิน และหูจิ่นเทาในช่วงต่อมา จนถึงสีจิ้นผิงในปัจจุบัน จีนได้ก้าวเดินมาอย่างมั่นคงแข็งแรง ด้วยการนำของคณะผู้พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่โดดเด่นขึ้นมาในท่ามกลางการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงทั้งในและนอกประเทศ
บทบาทของสีจิ้นผิงกำลังเป็นที่จับตามองของชาวโลกผ่านสื่อยุคใหม่ที่ให้รายละเอียดทุกแง่มุม จนเพียงพอที่จะเข้าถึงความจริงได้ ผลจึงปรากฏว่าชาวโลกทั่วไปต่างพากันชื่นชมการนำของเขา ที่สามารถพลิกจีนขึ้นมาเป็นผู้นำโลก แสดงบทบาทยับยั้งการกระทำต่างๆที่ไม่ถูกต้องทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อกรุยทางให้แก่การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ตามหลัก”ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง”
เราจึงเห็นการจัดการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่นในจีนอย่างจริงจัง โดยไม่มีข้อยกเว้น สร้างความพึงพอใจให้แก่คนจีนเป็นอย่างมาก ขณะที่มีเสียงเรียกร้องในประเทศต่างๆ ให้นักการเมืองที่บริหารประเทศหยุดยั้งพฤติกรรมทุจริตโกงกิน ทำตัวให้ได้เฉกเช่นผู้นำจีน
กระแสเสียงลักษณะนี้ ก็ปรากฏให้ได้ยินในประเทศไทยเช่นเดียวกัน แต่ก็ดูเหมือนจะสิ้นหวังกันในทันทีที่เรียกร้อง เพราะต่างก็เห็นชัดกับตาอยู่ว่า กระบวนการได้มาซึ่งผู้นำการบริหารประเทศของเรา มันแตกต่างกับของจีนอย่างสิ้นเชิง
จุดเด่นของจีนคือผู้นำที่ก้าวขึ้นบริหารประเทศ จะต้องเป็นบุคคลดีเยี่ยมในสายตาประชาชน ที่ประชาชนทั่วไปไว้วางใจ
ในทางปฏิบัติ ผู้นำประเทศของจีนจะต้องมาจากคณะผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อที่ประชุมสมัชชาพรรคทุก 5 ปีเลือกสรรคณะผู้นำพรรคขึ้นมาแล้ว ประชาชนทั่วไปก็สามารถไว้วางใจได้ ว่าพวกเขาจะเป็นคณะผู้บริหารประเทศที่ดี
อีกนัยหนึ่งประชาชนชาวจีนไว้วางใจและเชื่อมั่นในพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงไม่แปลกที่มติที่ประชุมสำคัญๆของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จะต้องเน้นย้ำอยู่เสมอถึงการสร้างพรรคให้ดีเยี่ยม ปฏิวัติตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อรับใช้ประชาชน
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงก็ชูแนวคิดทำหน้าที่การงานแบบ”ไม่มีฉัน” หรือ”อู๋หว่อ” (无我)
อำนาจในมือเป็นสิทธิ์ของประชาชน เพื่อรับใช้ประชาชน!
สำนึกเช่นนี้ สะท้อนปรัชญาหรือแก่นแท้ของระบอบประชาธิปไตยประชาชนตลอดกระบวนการ หรือ”เฉวียนกั้วเฉิง เหรินหมิน หมินจู่” (全过程人民民主)ที่สีจิ้นผิงได้นำ
เสนอสู่เวทีโลกแล้วอย่างเป็นทางการหลายครั้งหลายเวที
เพื่อให้เป็นแบบอย่างสำหรับชาวโลกร่วมกันพัฒนา!
ไขคำจีน
制度 จื้อตู้ ระบบระบอบ



