“….การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ที่มีสีจิ้นผิงเป็นผู้นำ มีการพิจารณาญัตติสำคัญที่ชาวโลกให้ความสนใจติดตาม คือการผ่านมติรับรองแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 15 ที่จะเริ่มนำมาใช้จริงในไตรมาสแรกของปีหน้า จุดเด่นอยู่ที่การวางเป้าหมายสร้างจีนให้เป็นสังคมเอไอ บนพื้นฐานของความสำเร็จของแผน 14 ที่สามารถพลิกจีนจากประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ที่มีห่วงโซ่การผลิตครบวงจร มาเป็นอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ อันเป็นผลจากการดำเนินนโยบาย”IT+” โดยตั้งเป้าสานต่อให้ครอบคลุมการขับเคลื่อนของสังคมจีนทั้งทางภาคการผลิต และการบริการ ให้เป็นไปในทางที่สะดวกสะบายขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง นักวิเคราะห์จีนมองว่า นี่เป็นผลของการปรับน้ำหนักการทุ่มทรัพยากรจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม เช่นการสร้างถนนหนทาง และการขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น มาเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่สำหรับเศรษฐกิจดิจิตอลและเอไอ เช่นดาต้าเซ็นเตอร์ คอมพิวติ้งเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมผลิตชิปคุณภาพสูง และอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะท้้งหุ่นยนต์ รถยนต์ และสิ่งอุปโภคบริโภคอัจฉริยะมากมายสนองต่อสังคมจีน ให้พัฒนาก้าวหน้าไปสู่อนาคตได้อย่างเป็นจริง ซึ่งจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว และสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้….”
แผนสานฝัน 织梦蓝图
ระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ที่มีสีจิ้นผิงเป็นผู้นำ มีการพิจารณาญัตติสำคัญที่ชาวโลกให้ความสนใจติดตาม คือการผ่านมติรับรองแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 15 ที่จะเริ่มนำมาใช้จริงภายหลังจากการรับรองของสภาผู้แทนประชาชนในไตรมาสแรกของปีหน้า
แผนพัฒนา 5 ปี ในฐานะแผนแม่บทกำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมทุกมิติของประเทศ จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้มากน้อยเพียงใดก็ยังต้องดูผลของการนำเอาแผนแม่บทเหล่านี้ไปปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐและกลไกรัฐในทุกๆระดับของการขับเคลื่อน ดุจฟันเฟืองน้อยใหญ่ที่จะต้องดำเนินไปได้อย่างสอดประสานกันเป็นอย่างดี
ประเทศจีนก้าวมาได้ถึงทุกวันนี้ ก็ด้วยการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบของกลไกสังคมภายใต้การชี้นำของแผนพัฒนา 5 ปี ฉบับแล้วฉบับเล่าอย่างต่อเนื่อง รวมเวลากว่า70ปี
จุดเด่นของแผน 15 อยู่ที่การวางเป้าหมายสร้างจีนให้เป็นสังคมเอไอ บนพื้นฐานของความสำเร็จของแผน 14 ที่สามารถพลิกจีนจากประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ที่มีห่วงโซ่การผลิตครบวงจร มาเป็นอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ อันเป็นผลจากการดำเนินนโยบาย”IT+”
โดยตั้งเป้าสานต่อด้วยนโยบาย”AI+” ให้ครอบคลุมการขับเคลื่อนของสังคมจีนทั้งทางภาคการผลิต และการบริการ ตลอดจนการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน ให้เป็นไปในทางที่สะดวกสะบายขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
มีการเปรียบเทียบกันว่า ในช่วงที่จีนกำลังมุ่งมั่นสร้างความเจริญเบื้องต้น ก็ทุ่มทรัพยากรลงไปที่การสร้างถนนหนทาง สนามบิน ท่าเรือ อาคารบ้านเรือนจิปาถะที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ประสานกับการเปิดประเทศ รับการลงทุนจากต่างประเทศและขยายการติดต่อค้าขายไปทั่วโลก ทั้งหมดนั้นได้กลายเป็นแรงส่งมหาศาลผลักดันให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างรวดเร็วในอัตราสูงราว10%ตลอดสองสามทศวรรษตั้งแต่ปีคศ.1980
แต่เมื่อย่างเข้าทศวรรษที่สองของศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากการประชุมสมัชชาพรรคฯครั้งที่18ในปลายปี2012และที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคชุดที่ 18 ได้เลือกสีจิ้นผิงเป็นเลขาธิการใหญ่พรรคแล้ว พรรคฯจีนก็ได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศจีนไปสู่ความทันสมัยด้วยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีล้ำยุค อันเป็นที่มาของ”แผนปฏิบัติการIT+” เมื่อสิบปีที่แล้วและ”แผนปฏิบัติการAI+” ในปัจจุบัน
การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการผลิต ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนช้าลงมาเป็นราว 5% ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้แล้ว อยู่ในการควบคุมเป็นอย่างดี
นักวิเคราะห์จีนมองว่า นี่เป็นผลของการปรับน้ำหนักการทุ่มทรัพยากรจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม เช่นการสร้างถนนหนทาง และการขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น มาเป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่สำหรับเศรษฐกิจดิจิตอลและเอไอ เช่นดาต้าเซ็นเตอร์ คอมพิวติ้งเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมผลิตชิปคุณภาพสูง และอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะท้้งหุ่นยนต์ รถยนต์ และสิ่งอุปโภคบริโภคอัจฉริยะมากมายสนองต่อสังคมจีน
ซึ่งปัจจุบันนี้จีนได้สร้างเครือข่ายฐานสำคัญๆเหล่านี้ไว้ทั่วทั้งประเทศ เพื่อเป็นหลักประกันให้แก่การพัฒนาก้าวหน้าไปสู่อนาคตได้อย่างเป็นจริง ซึ่งจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับแผนที่วางไว้ และสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายเชิงวาดฝันเพียงใด ก็มั่นใจเสมอว่าจะต้องไปให้ถึง!
ไขคำจีน 织梦 จือเมิ่ง สานฝัน
