“….สังคมมนุษย์รูปแบบต่างๆที่ปรากฏออกมาเป็นระยะๆตลอดหลายพันปีของอารยธรรมมนุษยชาติ ล้วนเป็นผลของการพัฒนาก้าวหน้าของพลังการผลิต และการจัดระบบความสัมพันธ์ในสังคมของสมาชิกสังคมบนพื้นฐานของระดับความก้าวหน้าของพลังการผลิตขณะนั้น ด้วยหลักทฤษฎีนี้ ปัจจุบันสังคมจีนได้พัฒนามาถึงระดับสังคมนิยมที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าทุนนิยมแล้ว ด้วยกระบวนการที่มีความเป็นเอกลัษณ์แบบจีน โดยเริ่มจากความเป็นจริง พลิกแพลงวิธีปฏิบัติ สามารถสลัดทิ้งระบอบสังคมแบบเดิมๆที่ล้าหลังและเป็นอุปสรรคขัดวางต่อการพัฒนาพลังการผลืตยุคใหม่ ดำเนินการวางกรอบระบอบสังคมจีนใหม่ให้เป็นแบบสังคมนิยมที่เหมาะสมแก่การพัฒนาพลังการผลิตยิ่งกว่าระบอบทุนนิยมได้เป็นพื้นฐาน
ต่อจากนั้นจีนโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ได้สร้างปาฏิหารย์ทางด้านวิทยาศาสตร์สังคมขึ้นบนดาวโลกดวงนี้ จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก
อีกไม่นานนักหรอกที่จีนจะผงาดขึ้นมาเป็นจ่าฝูงของโลกที่ต้องการพัฒนาตนเองให้เจริญรุ่งเรืองไปพร้อมๆกับจีน สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกๆประเทศของหลักทฤษฎีพลังการผลิต ที่เป็นแก่นในของหลักปรัชญาวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ของคาลมาร์กซ สมควรที่ผู้นำประเทศของไทย ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มพรรคการเมืองอะไร จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนในระยะยาว..”
จับทางจีน正视中国
สันติ ตั้งรพีพากร陈俊泰
กระจกส่องสู่อนาคตของมวลมนุษยชาติที่ผู้นำประเทศพึงมี一国领导应有的一面照向未来的镜子
ตามความเข้าใจของผู้เขียน ความเจริญก้าวหน้าของจีนยุคใหม่ มีจุดเริ่มต้นจากวิกฤตรอบด้านในช่วงปลายรัชสมัยของราชวงศ์ชิง เมื่ออิทธิพลมหาอำนาจตะวันตกแผ่เข้าครอบงำจีน กระทั่งย่ำยีบีฑาจีนจนป่นปี้ หมดสภาพของความเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง
ภายในรอบร้อยปีตั้งแต่สงครามฝิ่นในคศ.1842จนถึงการปลดแอกในปีคศ.1949 คนจีนรักชาติจำนวนนับไม่ถ้วนได้เพียรพยายามต่อสู้กอบกู้ชะตากรรมประเทศจีน ด้วยวิถีทางต่างๆที่คิดว่าจะเป็นไปได้ ทั้งด้วยแนวคิดที่ยึดเอาศาสตร์โบราณของจีนเองและจากแนวคิดปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่ ซึ่งในที่สุดพวกเขาก็พบว่าหลักลัทธิมาร์กซ์ที่ว่าด้วยวิวัฒนาการของพลังการผลิตก็คือคำตอบที่พวกเขาต้องการ
หลักการนี้ชี้ให้เห็นว่า การขับเคลื่อนของสังคมมนุษย์มีจุดเริ่มต้นที่การเคลื่อนไหวทำการผลิต และการพัฒนาก้าวหน้าของพลังการผลิตเป็นต้นเหตุของการพัฒนาเปลี่ยนแปลงของสังคม
สังคมมนุษย์รูปแบบต่างๆที่ปรากฏออกมาเป็นระยะๆตลอดหลายพันปีของอารยธรรมมนุษยชาติ ล้วนเป็นผลของการพัฒนาก้าวหน้าของพลังการผลิต และการจัดระบบความสัมพันธ์ในสังคมของสมาชิกสังคมบนพื้นฐานของระดับความก้าวหน้าของพลังการผลิตขณะนั้น
โดยสามารถลำดับออกมาเป็นยุคๆตั้งแต่ยุคทาส ยุคศักดินา และยุคทุนนิยม ซึ่งแต่ละยุคจะมีการใช้ระบอบการปกครองและะวิธีการบริหารจัดการที่สอดคล้องกับระดับความก้าวหน้าของพลังการผลิตขณะนั้นเสมอ
ด้วยหลักทฤษฎีนี้ จีนโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้อรรถาอธิบายว่า ปัจจุบันสังคมจีนได้พัฒนามาถึงระดับสังคมนิยมที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าทุนนิยมแล้ว ด้วยกระบวนการที่มีความเป็นเอกลัษณ์แบบจีน โดยเริ่มจากความเป็นจริง พลิกแพลงวิธีปฏิบัติ สามารถสลัดทิ้งระบอบสังคมแบบเดิมๆที่ล้าหลังและเป็นอุปสรรคขัดวางต่อการพัฒนาพลังการผลืตยุคใหม่ ดำเนินการวางกรอบระบอบสังคมจีนใหม่ให้เป็นแบบสังคมนิยมที่เหมาะสมแก่การพัฒนาพลังการผลิตยิ่งกว่าระบอบทุนนิยมได้เป็นพื้นฐาน
ในทางปฏิบัติ ภายหลังประสบชัยชนะในการปฏิวัติ สถาปนาอำนาจรัฐของประชาชนได้สำเร็จและปรับโครงสร้างสังคมให้เป็นแบบสังคมนิยมแล้ว ปรเะเทศจีนก็ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่การดำเนินแผนพัฒนาประเทศ5ปีแผนที่1ในปีคศ.1953 เป็นต้นมา
ต่อจากนั้นจีนโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ได้สร้างปาฏิหารย์ทางด้านวิทยาศาสตร์สังคมขึ้นบนดาวโลกดวงนี้ จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก
เราจึงพบว่า ณ วันนี้ จีนได้กลายสภาพเป็นมหาอำนาจทั้งทางด้านเศรษฐกิจการเมืองการทหารชนิดไม่เป็นสองรองใคร และก็เชื่อด้วยว่า ด้วยกระบวนการขับเคลื่อนในลักษณะที่ดำเนินมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน แม้จะถูกถล่มโจมตีและขัดขวางทุกวิถีทางจากกลุ่มประเทศมหาอำนาจทุนนิยมอย่างหนักหน่วง อีกไม่นานนักหรอกที่จีนจะผงาดขึ้นมาเป็นจ่าฝูงของโลกที่ต้องการพัฒนาตนเองให้เจริญรุ่งเรืองไปพร้อมๆกับจีน
และมีแนวโน้มว่าจะยินดีเป็นอย่างยิ่งในการนำเอาแนวคิดปรัชญาชี้นำการพัฒนาพลังการผลิตที่ก้าวหน้าที่สุดแห่งมวลมนุษยชาตินี้ ไปปรับใช้ในการพัฒนาตนเอง
กระทั่งยินดีที่จะปฏิรูประบบระบอบให้เป็นแบบใหม่ที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาพลังการผลิตยุคใหม่คุณภาพสูง ทั้งทางด้านการผลิตและบริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม ตลอดจนวิทยาการอวกาศและดวงอาทิตย์เทียม เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนั้นจีนกำลังพุ่งนำไปข้างหน้า โดยเปิดอ้าแขนรับความร่วมมือกับนานาชาติถ้วนหน้า โดยปรากฏเห็นผลจริงแล้วกับหลายต่อหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย
สังคมโลกยุคใหม่ที่มีจีนนำ จึงอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความสำเร็จร่วมกัน ตรงกันข้ามกับยุคทุนนิยมครองโลก ที่กลุ่มทุนใหญ่แสยะยิ้ม ในท่ามกลางเสียงโอดครวญของประชาชนชาวโลกทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นวิทยาศาสตร์และสัจธรรมทั่วไปที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกๆประเทศของหลักทฤษฎีพลังการผลิต ที่เป็นแก่นในของหลักปรัชญาวัตถุนิยมประวัติศาสตร์ของคาลมาร์กซ
สมควรที่ผู้นำประเทศของไทย ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มพรรคการเมืองอะไร จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนในระยะยาว!
ไขคำจีน
镜子
จิ้งจื่อ
กระจกส่อง



