วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
หน้าแรกชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัยสอดแนมการเมือง“ตู่” ต้องคิดต้องทำอย่าง “สีฯ” (ตอนสิบห้า) “เหลี่ยม-ตู่” มีดี.. ทว่า..เลวมากกว่า..?

Related Posts

“ตู่” ต้องคิดต้องทำอย่าง “สีฯ” (ตอนสิบห้า) “เหลี่ยม-ตู่” มีดี.. ทว่า..เลวมากกว่า..?

“สีจิ้นผิง” ใช้คำพังเพยของจีนสอนคนจีนเสมอว่า “คมดาบวิเศษมาจากการลับ กลิ่นหอมของดอกเหมยได้จากความหนาวเหน็บ”

โดย “สีฯ” ย้ำว่า..ถ้าไม่ผ่านความมานะพยายามและยืนหยัด ไม่ผ่านการฝึกฝนด้วยลมฝน คนคนหนึ่งย่อมยากที่จะมีความรู้กว้างขวางลึกล้ำ

ผู้นำจีน“ สีจิ้นผิง” ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเรียนรู้ ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของประธานาธิบดี“สีจิ้นผิง” ด้วย“เขา”เป็นผู้รักการเรียนรู้มาตลอด โดยเฉพาะสมัยอยู่ที่“เหยียนอาน”..

ด้วยความกันดาร.. “สีฯ” ต้องอ่านหนังสือใต้แสงตะเกียงทุกวัน จนกระทั่งได้เข้าศึกษาในแวดวงการเมืองการปกครอง

“สีจิ้นผิง” ถือว่า การเรียนรู้เป็นรากฐานของการเสริมความสามารถ และต้องเป็นพลวัตอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน ด้วยการยึดมั่นว่า “ต้องรู้จักเรียนรู้ รู้จักเรียนรู้อีกครั้ง” เช่นนี้จึงจะขจัดความหวั่นเกรงว่า “ตนไร้ความสามารถ และก้าวทันยุคสมัย”

การเรียนรู้เช่นนี้ เป็นขั้นตอนการผนึกความรู้กับการปฏิบัติเข้าด้วยกัน เพราะมีเพียงการเรียนรู้เท่านั้น ที่นำความรู้ที่ได้ไปใช้จริง นี่ไม่เพียงเป็นการดำรงชีวิตลักษณะหนึ่ง หากแต่ยังเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งทางการเมืองการปกครองด้วย

ผู้นำจีนคนปัจจุบัน กล่าวย้ำเสมอว่า “เจ้าหน้าที่ของเราต้องใฝ่ก้าวหน้า พรรคของเราต้องใฝ่ก้าวหน้า ประเทศของเราต้องใฝ่ก้าวหน้า ชนชาติของเราต้องใฝ่ก้าวหน้า จึงจำเป็นต้องส่งเสริมการเรียนรู้ขนานใหญ่”

การเรียนรู้ของ“สีจิ้นผิง”นั้น ได้มาจากนักคิดนักเขียนจีนโบราณ โดย“หลิวเซี่ยง”ในบท“เจี้ยนเปิ่น” จากหนังสือ“ซัวย่วน” ยุคราชวงศ์“ซีฮั่น”..

ผู้คิดผู้เขียนได้บันทึกคำคมสั้นๆว่า “การเรียนรู้เอื้อประโยชน์ต่อความสามารถลับคมจนเป็นมีด” แม้ไม่รวดเร็วเท่าการเรียนรู้จากผู้อื่น แต่ผู้เขียนบอก “เคยเขย่งเท้าแลดู ไม่เห็นไกลเท่าขึ้นไปมองบนที่สูง”

ด้วยเหตุนี้ การกู่ร้องตามลม แม้เสียงไม่ดัง แต่คนส่วนมากได้ยิน การไปยืนกวักบนที่สูง แม้แขนจะเท่าเดิม แต่คนเห็นไกล ด้วยเหตุนี้ปลาจึงว่ายในน้ำ นกจึงเหินตามลม ต้นไม้ใบหญ้าจึงงอกงามตามฤดูกาล..

นอกเหนือจากเรื่องการเรียนรู้ผสานการนำมาใช้จริงแล้ว ผู้นำจีนยังพูดถึงเรื่องการใช้“ผู้มีความสามารถ” ที่รู้กว้างกว่ากับลึกซึ้งกว่า มีวิสัยทัศน์ไกลกว่า พูดง่ายๆคือ “เก่งกว่า” มาช่วยชาติช่วยประชาชน กระทั่งสหประชาชาติยอมรับว่า คนจนในจีนลดลงและกำลังจะหมดไป

สีฯ”กับชาวจีน 1,400 ล้านคน กำลังเร่งเปลี่ยนรูปทรงสังคมจีน จาก“สามเหลี่ยมปิรามิด” มีคนจนเป็นฐาน ให้กลายเป็นทรง“รักบี้” ที่คนชั้นกลางเป็นคนส่วนใหญ่ในสังคม..

หันกลับมามองผู้นำไทย “นายกฯตู่”รัฐประหารกับสืบทอดอำนาจมานานกว่า 8 ปี เมื่อพิจารณาโดยไร้อคติ ต้องยอมรับความจริงว่า รัฐบาล“นายกฯตู่” มีผลงานในเรื่องทั่วไปตามระบบราชการจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะผลงานด้านการคมนาคมระบบราง ซึ่งหลายเส้นทางไม่ค่อยสมเหตุผล

ในขณะที่ความต้องการหลักของชาติกับประชาชนคือ ต้องการให้“รัฐบาลตู่”ปฏิรูปชาติในเรื่องสำคัญๆโดยเร่งด่วน ควบคู่ไปกับเรื่องอื่นๆ เพื่อสร้างความเจริญให้ชาติในหลายมิติ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ให้กินดีอยู่ดี สุขภาพดี การศึกษาดี ฯลฯ

แต่“นายกฯตู่”กลับมุ่งทำแต่เรื่อง“สร้างงานทั่วไป” ไม่มีผลงาน“ปฏิรูปชาติ”สักเรื่อง! ขัดแย้งกับคำพูดชายชาติทหาร“บิ๊กตู่”เมื่อวันทำรัฐประหาร ล้ม“รัฐบาลเลือกตั้งเครือข่ายเหลี่ยม”โกงชาติกับล้มเจ้า ที่ว่าจะ“ปฏิรูปชาติไทยก่อนเลือกตั้ง”ให้สำเร็จ

“นายกฯตู่”รู้อยู่แก่ใจมานานแล้วนี่นาว่า ต้องใช้อำนาจเผด็จการทหารแบบเบ็ดเสร็จ ในห้วงมี“มาตรา 44”ในกำมือ จัดการ“แก้ไขต้นเหตุปัญหาสำคัญ”ให้สำเร็จมากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อทำให้ชาติไทยเจริญรุดหน้า ประชาชนส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น และการศึกษาดีขึ้น สังคมไทยจะสุขสงบ ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ ประชาชน มีความมั่นคง-ยั่งยืน..

ทว่า..“นายกฯตู่”ผู้ครองอำนาจต่อเนื่องนาน 8 ปีกว่า กลับทรยศหักหลังชาวไทยแบบหน้าด้านๆ ด้วยการ“ตระบัดสัตย์”ดื้อๆ ไร้ผลงานการปฏิรูปชาติแม้แต่น้อย

“บิ๊กตู่”มัวหลงระเริงเหลิงกับตำแหน่ง“นายกฯ” ในขณะที่กระแสนิยม“บิ๊กตู่”กำลังตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ท่ามกลางผลงานบริหารชาติตามสภาพ ด้วยวิธีรัฐราชการ เสริมส่งให้คนรวย-รวยยิ่งขึ้น ส่วนคนจน-จนลงชนิดหาเช้าไม่พอกินค่ำ คนไทยต้องใช้ชีวิตแบบ“ไปตายเอาดาบหน้า”

“นายกฯตู่”ประกาศออกสื่อ “ผมจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” แต่ทางข้างหน้าที่คนไทยส่วนใหญ่เห็น บอกได้เลยว่า “อนาคตแสนจะมืดมน”..?

ในห้วง 8 ปีกว่า “นายกฯตู่”พร่ำเพ้อภูมิใจอยู่แต่กับผลงานด้านวัตถุ แต่กลับปล่อยให้การเมืองเลวลงกว่าเดิม เพราะ“การเมืองชั่วช้าสามานย์”ได้นำพาให้“นายกฯตู่”กับพลพรรค ได้เปรียบและได้อำนาจรัฐ จน“บิ๊กตู่”ได้เป็น“นายกฯ”ยาวนานกว่า 8 ปีแล้ว และยังมีโอกาสจะสืบทอดอำนาจรัฐต่อไปอีกนั่นเอง

“นายกฯตู่”กับ“อดีตนายกฯเหลี่ยม” ไม่แตกต่างกันเลย ทั้งสองคน“ผิดคำพูด”เหมือนกัน เพราะหลงระเริงเหลิงใน“อำนาจ-เงินทอง-ทรัพย์สิน” ชนิดโงหัวไม่ขึ้น

ชาติกับประชาชนไทยจึงทุกข์ทรมานกับสภาพปัจจุบัน ที่ไร้อนาคตสดใส ข้าราชการกลุ่มหนึ่งเอาแต่โกงชาติ และรับใช้กลุ่มนักการเมืองกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลชั่วทั้งคนไทยและต่างชาติ บั่นทอนความมั่นคงปลอดภัยอย่างร้ายแรง ต่อชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชน โดยไร้สำนึกว่า ชาติกับคนไทยจะประสบความเสียหายใหญ่หลวงเพียงใด

คดี“กลุ่มคนจีน”สีเทาปนดำในนาม“ตู้ห่าว” ก็ปรากฎว่าเกี่ยวพันกับ“ผู้มีอิทธิพล”ในชาติไทย ที่เป็นทั้ง“ลูกเขย-หลานเขย”ของ“นักการเมืองใหญ่”และเป็น“ตำรวจใหญ่”ด้วย โดยได้ทำธุรกิจในไทยที่ผิดกฎหมายมากมายมาตลอด เกี่ยวพันทั้งยาเสพติด-ค้ามนุยษ์-ฟอกเงิน-ซื้อขายรถหรูกับอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ทำธุรกรรมผ่าน“กลุ่มนอมินีคนไทย” ใช้เงินสดซื้อบ้านและคอนโดมิเนียม ของบริษัทเรียลเอสเตทในเครือข่ายของ“อดีตนายกฯไทย” โดยไม่มีการตรวจสอบที่ไปที่มาของเงินสดหลายสิบล้านบาท-ร้อยล้านบาท-พันล้านบาท ฯลฯ

โดยนักการเมืองกับเจ้าหน้าที่รัฐ จงใจไม่ตรวจสอบว่า “ธุรกิจกับเงินทองทรัพย์สินราคาแพง”ทั้งหลาย ของ“กลุ่มคนจีนสีเทาดำตู้ห่าว”ได้มาจากไหน? ถูกกฎหมายหรือไม่? ขบวนการเหิมเกริมทำชั่วถึงขั้นค้ายาเสพติด ให้บริการแก่“นักท่องเที่ยวจีน” จน“หญิงจีน”ตาย มีการทำลายหลักฐาน“ผู้เสียชีวิต”อย่างโจ๋งครึ่ม เป็นข่าวฉาวโฉ่ทั้งในไทยและจีน

มหาเศรษฐีอดีตนายกฯ“เหลี่ยม” แม้จะมีความดีอยู่บ้าง? แต่การโกงชาติกับล้มเจ้านั้น ก่อความเสียหายต่อชาติกับประชาชนอย่างมหาศาลมากกว่า..จริงไหม!

การรัฐประหารกับสืบทอดอำนาจรัฐมานานกว่า 8 ปีของ“นายกฯตู่” แม้จะมีความดีในเรื่องตัดอำนาจรัฐชั่วร้ายของ“รัฐบาลเลือกตั้งเครือข่ายเหลี่ยม” แต่ก็เป็นได้แค่ชั่วคราว การไม่ได้แก้ต้นเหตุปัญหาอันชั่วร้ายของชาติกับประชาชนลงเลย สร้างความเสียหายมากยิ่งขึ้นมากกว่า..จริงไหม?

“เหลี่ยม-ตู่” ต่างก็มีดี.. ทว่า.. ทั้งคู่..เลวมากกว่าดี..?

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts