วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
หน้าแรกชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัยสอดแนมการเมือง“ตู่” ต้องคิดต้องทำอย่าง “สีฯ”(ตอนสิบสี่) “หนึ่งใจสีจิ้นผิง” กับ “หนึ่งใจบิ๊กตู่”?

Related Posts

“ตู่” ต้องคิดต้องทำอย่าง “สีฯ”(ตอนสิบสี่) “หนึ่งใจสีจิ้นผิง” กับ “หนึ่งใจบิ๊กตู่”?

“สีจิ้นผิง” ให้ความสำคัญอย่างสูงกับ “คุณธรรม” ตีพิมพ์ในนิตยสาร “ฉิวซื่อ ”ในปี ค.ศ. 2004 ว่า

เจ้าหน้าที่ระดับบริหาร ต้องเร่งเสริมความคิดทางการเมือง ต้องรู้จักแยกแยะจัดการความสัมพันธ์ทั้ง 4 ได้อย่างถูกต้อง ได้แก่ ถูกหรือผิด ส่วนรวมหรือส่วนตัว จริงหรือเท็จ และแท้หรือเทียม

“สีจิ้นผิง” ยังนำเอา “คุณธรรม” มาให้เจ้าหน้าที่ระดับบริหารยุคใหม่ นำไปปฏิบัติอีก 5 ประการ ได้แก่ การกล่อมเกลาทางจริยธรรม การกล่อมเกลาทางการเมืองการปกครอง การกล่อมเกลาทางคุณธรรม การกล่อมเกลาความมีวินัย และการกล่อมเกลาสไตล์การทำงาน

ข้อปฏิบัติ 5 ประการนี้ เป็นการขยายเนื้อหาของ “การปกครองด้วยคุณธรรม” เพื่อเป็นแนวทางให้เจ้าหน้าที่ระดับบริหาร ได้สร้างแนวคิดที่ถูกต้อง และเป็นเข็มทิศในการทำงาน

“ผู้นำจีน” เน้นย้ำถึงเรื่อง “ต้องโปร่งใสเสมอ” ว่า ผู้เข้ามาเป็น “ข้าราชการ” ต้องมัธยัสถ์เปิดเผย ต้องเที่ยงธรรมใสสะอาด ต้องอยู่ได้แม้จะไร้ทรัพย์สินศฤงคาร ต้องรอบคอบระมัดระวัง ต้องคิดให้ละเอียดละออ ต้องระวังทั้งคำพูดและการกระทำ ต้องขยันทำงานและใฝ่รู้ ต้องอดทนต่อความลำบากเพื่อความก้าวหน้า ฯลฯ

“สีจิ้นผิง” ยังย้ำต่ออีกว่า เจ้าหน้าที่ระดับบริหาร ต้องระวังการใช้อำนาจ ต้องทนให้ได้กับการเคยชินในความยากจน ต้องทนได้กับความเงียบเหงา ต้องจิตใจหนักแน่นทนต่อการทดสอบ ต้องเคารพต่อวินัยพรรคและกฎหมายบ้านเมือง ต้องรู้ว่าตนเองใช้อำนาจเพื่อส่วนรวม ต้องมิใช่ใช้อำนาจเพื่อส่วนตัว

ต้องใช้อำนาจตามกฎหมาย ต้องไม่ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ต้องใช้อำนาจอย่างใสสะอาด ต้องไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ต้องมีสำนึกอย่างสูงต่อหน้าที่และความรับผิดชอบ อยากทำงาน ยอมทำงาน ทำงานเป็น ทำให้สำเร็จ

ต้องทุ่มเทกายใจให้กับงาน ทำเต็มหน้าที่ ต้องอุทิศแก่งานอย่างลืมตน ต้องยินดีเสียสละทุกสิ่งอย่างเพื่องานของพรรคและประชาชน ฯลฯ

“ผู้นำจีน” ตบท้ายสั้นๆ ด้วยคำปลุกเร้าเจ้าหน้าที่ของพรรค กับข้าราชการระดับบริหารว่า “การจะทำงานอย่างสะอาดหมดจดได้หรือไม่ เป็นบททดสอบใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่ระดับบริหารต้องเผชิญทุกเมื่อ”

สิ่งที่ “สีจิ้นผิง” นำเสนอ แปลง “ความคิด” มุ่งไปสู่ “การกระทำ” ให้เป็นจริง มิใช่ได้แต่ “พูดดี-ทำส่งเดช”! เพรา ะ“ผู้นำจีน” กำหนดรายละเอียดว่า เรื่องอะไร “ทำได้” และเรื่องอะไร“ห้ามทำ” โดยมี “บทลงโทษ” หนักเบาอีกด้วย ฯลฯ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..เรื่องประกาศจะปราบปรามการคอร์รัปชั่นโกงชาติ “สีจิ้นผิง” พูดจริงทำจริง ลงมือปราบ “ขบวนการคนชั่ว” ทั้งในและนอกประเทศอย่างจริงจัง ชนิดไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม จับทั้ง “เสือ” กับ “แมลงวัน” เข้าคุกตะราง และประหารชีวิตไปแล้วมากมาย

ไม่เว้นกระทั่ง “พ่อค้านักธุรกิจ” ส่งออกสินค้าปลอมปน ที่ทำให้ชาติและชาวจีนเสื่อมเสียชื่อเสียง นำความเสียหายอย่างใหญ่หลวงมาสู่ประเทศ ฯลฯ

นอกจากนั้น “สีจิ้นผิง” ยังปฏิบัติการลงโทษอย่างไม่มีการประนีประนอม ทั้ง “จับกุมคุมขังเจ้าของ” และทุบคฤหาสน์นับพันๆ แห่ง ฐานรุกเข้ายึดครองพื้นที่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมาย และทำลายสิ่งแวดล้อม

ผลงานชิ้นโบว์แดงของ “สีจิ้นผิง” ที่สำคัญอย่างยิ่งยวด ซึ่ง “องค์การสหประชาชาติ” ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่า “ผู้นำชาติจีน” สามารถลดจำนวน “คนยากจน” ลงได้ และกำลังจะหมดไปในอนาคตอันใกล้

สูตร “สามเหลี่ยมปิรามิด” อันเป็น “สภาพสังคม” ที่ “กูรูเศรษฐศาสตร์ฝรั่งตะวันตก” ใช้มาตั้งแต่อดีตตราบปัจจุบัน ซึ่งมี “คนรายได้น้อย” เป็นฐานใหญ่อยู่ด้านล่าง! “คนมีรายได้ระดับกลาง” เป็นส่วนกลางของปิรามิด! และ“คนรวย”อยู่บนสุดนั้น..

วันนี้..รัฐบาล “สีจิ้นผิง” กับ “นักเศรษฐศาสตร์ชาวจีน” กำลังเปลี่ยน “สภาพสังคมจีน” ให้เป็น “รูปทรงรักบี้” ที่ “ปลายแหลมสองด้าน” คือ “คนรายได้น้อยกับคนรวย”

ส่วน “ป่องตรงกลาง” ที่เป็นคนส่วนใหญ่ในสังคม คือ “คนมีรายได้ระดับกลาง” ซึ่งเลื่อนชั้นมาจาก“คนรายได้น้อย”

กล่าวโดยสรุป ก็คือ “ชาติจีน” กำลังเปลี่ยน “สังคมจีน” ให้เป็น “รูปทรงรักบี้” นั่นคือ ทำให้ “คนจน-คนมีรายได้น้อย” มีรายได้เพิ่มขึ้น จนยกระดับขึ้นเป็น “คนมีรายได้ระดับกลาง” ซึ่งในอนาคตจะเป็น “คนส่วนใหญ่”

ของสังคมจีน รายได้ทางเศรษฐกิจแบบ “ลูกรักบี้” จึงเป็นเป้าหมายที่ทั้ง “ผู้นำจีน-พรรคคอมมิวนิสต์จีน” และประชาชนจีนกว่า 1,400 ล้านคน กำลังช่วยกันยกระดับความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่ในสังคมจีน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้สังคมเป็นปึกแผ่น มั่นคงมั่งคั่ง ยั่งยืน..

จึงมี “คำถาม” เชิงดูถูกเย้ยหยันแบบหลับหูหลับตาจาก “ชาติตะวันตก” ว่า “ชาติจีน” ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้!

ซึ่งขัดกับ “ยูเอ็น”! ที่ยอมรับว่า “คนจนในจีน” กำลังลดน้อยลงจนจะหมดไปในอนาคต อ้าว!..งั้น “สังคมลูกรักบี้” ก็มีโอกาสที่จะเป็นจริงได้น่ะสิ..ใช่ไหม..?

หันมาดูตัวเลขเรื่องตรงกันข้าม.. ชาติที่ “คนจนเพิ่มทวีขึ้น” และ “กูรูเศรษฐศาสตร์ชาติตะวันตก” บอกได้ถูกต้อง หนึ่งในนั้นคือ “ชาติไทย”! ประเทศซึ่ง “คนจนเพิ่มขึ้น”

ก็ด้วยผลงานบริหารชาติของ “นายกฯ ตู่” นี่แหละ ที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำในสังคมทวีขึ้นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะความไม่เป็นธรรมในการกระจายรายได้ คนรวย-รวยขึ้นทุกวัน ส่วนคนจน-จนลงเรื่อยๆ..

เรื่องปราบปราม “ขบวนการคนโกงชาติ” ช่วง 8 ปีกว่าในยุค “นายกฯ ตู่” ก็ “ห่วยแตก” ไม่ได้ลงมือปราบปรามอย่างจริงจังเลย
นี่!..ขนาด “นายกฯ ตู่” ประกาศปราบคนโกงชาติเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ช่วงปีแรก และในปีที่ 8 ก็ประกาศปราบคนโกงชาติเป็นวาระแห่งชาติซ้ำอีกครั้งแล้วนะ!!

แต่ “ขอโทษ!” แทน “นายกฯ ตู่” ด้วยนะพ่อแม่พี่น้องประชาชน..!! ที่เรื่องนี้ “นายกฯ ตู่” ไม่ได้ทำอย่างจริงจังเลย ก็เหมือนกรณี “ตู่ตระบัดสัตย์” เรื่องจะ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” นั่นแหละ.. “นายกฯ ตู่” ก็ไม่ได้ปฏิรูปชาติแม้แต่น้อย..จริงไหม?
คนจีน” กว่า 1,400 ล้านคน เชื่อถือและศรัทธาต่อผู้นำชาติ “สีจิ้นผิง” มาตลอด เพราะพูดดีแล้วยังทำดีจริงจัง!

แต่ “คนไทย” กว่า 70 ล้านคน หมดความเชื่อถือและศรัทธาถดถอย กับพฤติกรรม “นายกฯ ตู่” ที่ได้แต่ “พูดจ้อ” โม้ตลอดไม่หยุดจนลิงหลับ โดยมิได้ “ทำดีจริง” จนเหมือนจะตรงกับเรื่อง “เด็กเลี้ยงแกะ” ในนิทานอีสป ยังไงยังงั้น แถมยังตรงกับนิทานเรื่อง “พีน็อกคิโอ” ที่โกหกแต่ละครั้ง “จมูกจะยาวขึ้นทุกครั้ง”!

ภาพรวมผลงาน 8 ปีกว่าของ “นายก ฯตู่” ไม่ถูกตาต้องใจประชาชน ไม่ได้แก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญๆให้ชาติ ฉะนั้น..เลือกตั้งครั้งแรก..“นายกฯ ตู่”นั่ นแหละ จึงเป็นตัวการของ“ต้นเหตุปัญหาชาติ” ที่ทำให้อดีตนายกฯ “เหลี่ยม” ได้ “ส.ส.เขต” ชนะพรรคหนุน “นายกฯ ตู่”

นี่ถ้า “ส.ว. 250 เสียง” ที่ “ลุงตู่-ลุงป้อม”แต่งตั้งมากับมือ ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนช่วยให้ “บิ๊กตู่” ได้เป็น “นายกฯ” ล่ะก็..ป่านนี้“นายกฯ” อาจเป็นชื่ออื่นแล้ว..นะจ๊ะ..?

“สีจิ้นผิง” กล่าวว่า “การเมืองคือความเที่ยงธรรม หากปฏิบัติตนได้เที่ยงธรรม ไม่ต้องสั่ง การนั้นก็ดำเนินได้เอง หากตนเองไร้ซึ่งความเที่ยงธรรม แม้นจะสั่งการก็ไม่มีใครยอมรับ”

“ผู้นำจีน”วันนี้ ต่างกับ“ผู้นำไทย”ในวันนี้อย่างลิบลับ ชนิด“ฟ้า”กับ“ดิน”ทีเดียว!

“สีจิ้นผิง” ยึดหลัก “ปฏิบัติอย่างจริงจัง บ้านเมืองย่อมสงบสุข เอาแต่วาทกรรม บ้านเมืองย่อมไม่สุขสงบ”

ส่วน “นายกฯ ตู่” ยึดหลัก “พูดดี” ทุกวันไม่รู้จักเบื่อหน่าย แต่ “ไม่ทำดีดังพูด” ชาติประชาจึงไม่สุขสงบมาตลอด

หนึ่งใจ-ทำให้บ้านเมืองล่มสลายได้! หนึ่งใจ-ทำให้บ้านเมืองรุ่งเรืองได้! เพียงแค่เลือกระหว่างส่วนรวมกับส่วนตัวเท่านั้น! นั่นเป็นสิ่งที่ “หนึ่งใจสีจิ้นผิง” คิดกับทำครับ!

ชาติกับประชาชนไทย ไม่เคยสุขสงบ.. รู้แล้วใช่ไหมว่า “หนึ่งใจนายกฯ ตู่” เลือกอะไร..???

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts