ย้ำกรมโรงงานฯมีอำนาจหน้าที่กำกับดูการอนุญาตนำเข้า แต่ไม่ได้ดูแลควบคุมการใช้งาน เผย มีการอนุญาตนำเข้า 14 บริษัท รวม 80ตัน มีผู้ใช้รายย่อยถึง 2000 ราย
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เผยหลังจากเข้าให้ข้อมูลกับ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ควบคุมการนำเข้าสารไซยาไนด์จากต่างประเทศ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขอนำเข้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมและงานศึกษาวิจัย โดยยอมรับว่า มีผู้ใช้รายย่อย ประมาณ 2000 ราย เช่น การใช้ในร้านทอง ด้วย ซึ่งส่วนนี้ทางบริษัทนำเข้าที่ได้รับขออนุญาตจะเป็นผู้ควบคุมดูแลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์เอง
กรณีคดีของแอม ผู้ต้องหาที่นำสารไซยาไนด์ไปใช้ฆ่าเหยื่อเพื่อปลดหนี้ และกรณีที่มีคนนำไปใช้วางยาฆ่าสัตว์เลื้อยคลาน ถือเป็นการใช้ไซยาไนด์ผิดวัตถุประสงค์ ทางกรมโรงงานฯในฐานะผู้เสียหาย จะต้องเดินทางไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ในส่วนของผู้ใช้รายย่อย ที่ไม่ต้องมีการขออนุญาตครอบครอง หากในรอบหกเดือนมีการใช้เกิน 100 กิโลกรัม ก็ต้องมีการแจ้งวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ด้วย โดยตำรวจจะเป็นผู้ติดตามการใช้งาน ว่ามีการใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ ส่วนเรื่องที่มีการขายผ่านออนไลน์ จะต้องไปดูที่ พ.ร.บ.ควบคุมและกฎหมายเรื่องวัตถุอันตราย ว่าโฆษณาได้หรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้จะประสาน สคบ.ให้ช่วยดูว่าสามารถควบคุมการโฆษณาไซยาไนด์ได้หรือไม่
อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม บอกว่า ปัจจุบันมีบริษัทที่ขอนำเข้าไซยาไนด์ทั้งหมด 14ราย รวมน้ำหนัก 80 ตันต่อปี โดยหลังจากนี้ทางอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมระบุว่า จะมีการแก้ไขเงื่อนไขท้ายใบอนุญาตนำเข้าไซยาไนด์ โดยจะกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความความเข้มงวดก่อนนำเข้า เช่น ให้ผู้ที่ขออนุญาตนำเข้าแจ้งรายชื่อผู้ที่ต้องการใช้สารไซยาไนด์เป็นต้น ทั้งนี้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมไม่มีความบกพร่องในเรื่องนี้