เศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวประเทศเหล่านี้น้อยกว่าคาด โดยข้อมูลนั้นพบว่ายังต่ำกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิดด้วยซ้ำ โดยสาเหตุสำคัญนั้นมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเที่ยวบิน ไปจนถึงสภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่อ่อนแอกว่าคาด
สำนักข่าว Bloomberg ได้เก็บรวบรวมตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ได้เข้ามาประเทศในอาเซียน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น สื่อธุรกิจรายนี้พบว่าต่ำกว่าคาด และยังต่ำกว่าช่วงเวลาก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิน 50% ด้วยซ้ำ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวนี้ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในละแวกนี้มหาศาล
โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาแต่ละประเทศเมื่อเทียบกับปี 2019
- ไทยคิดเป็น 35.9%
- อินโดนีเซียคิดเป็น 38.8%
- เวียดนาม 34.3%
- สิงคโปร์ 25.2%
- ฟิลิปปินส์ 13.8%
ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้นอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจอาเซียนหลังจากนี้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ทาง RHB สถาบันการเงินในมาเลเซียคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้นจะเข้ามาไทยแค่ 26-28 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของทั้งสถาบันการเงิน หรือแม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย
สาเหตุใหญ่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากจีนไม่มีจำนวนมากอย่างที่คาดก็คือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนนั้นไม่ได้ดีอย่างคาด โดยตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเติบโต 4.5% หลังจากที่ปี 2022 ที่ผ่านมาจีนมีการเติบโตต่ำจากผลของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้สถาบันการเงินหลายแห่งได้ปรับลด GDP จีนลงมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ย่ำแย่กว่าคาด
นอกจากนี้ข้อมูลจาก Cirium ชี้ว่าปริมาณเที่ยวบินจากจีนมายังอาเซียนหลายประเทศยังต่ำกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิดด้วยซ้ำ โดยเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทยคิดเป็น 49.8% ขณะที่เที่ยวบินจากจีนไปยังฟิลิปปินส์นั้นต่ำสุดที่ 38% ทางด้านสิงคโปร์ที่มีเที่ยวบินจากจีนมากสุดในอาเซียนยังคิดเป็นจำนวนแค่ 77.9% เท่านั้น
ปริมาณเที่ยวบินที่ต่ำนั้นเกิดจากไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าของบริษัทผลิตเครื่องบิน ไปจนถึงสายการบิน เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด ส่งผลตั้งแต่ในเรื่องของ Supply Chain ในการผลิตเครื่องบินนั้นหยุดชะงัก ไปจนถึงหายนะทางการเงินของสายการบินต่างๆ ทั่วโลกที่ทำให้สายการบินเหล่านี้ต้องเหมือนกลับมาเริ่มต้นธุรกิจใหม่ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดียังเหลือเวลาในช่วงครึ่งปีหลัง ที่นักท่องเที่ยวจีนอาจกลับมาท่องเที่ยวในอาเซียนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาส 4 ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเศรษฐกิจจีนนั้นลุกลามไปยังภาคอสังหาริมทรัพย์ ล่าสุดจีนออกมาตรการพยุงภาคอสังหาหนุนตลาดหุ้นเอเชียให้บวกขึ้นมาได้เล็กน้อย
ข่าวการออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และฮ่องกง
หนังสือพิมพ์ไชน่า ซิเคียวริตีส์ เจอร์นัล ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ด้านการเงินของรัฐบาลจีนรายงานในวันนี้ว่า จีนมีแนวโน้มที่จะประกาศนโยบายสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
ไชน่า ซิเคียวริตีส์ระบุว่า รัฐบาลจีนอาจจะเร่งเปิดตัวนโยบายเพื่อสนับสนุนความมีเสถียรภาพและการพัฒนาที่แข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ พร้อมระบุว่า รัฐบาลจีนอาจจะออกมาตรการเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นทางธุรกิจทั้งในภาคเอกชนและภาครัฐ รวมทั้งในหมู่บริษัทต่างชาติ หลังจากที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนได้ประชุมร่วมกับบรรดาผู้บริหารของบริษัทเอกชนเมื่อไม่นานมานี้
ขณะที่หนังสือพิมพ์ไชน่า ซิเคียวริตีส์ นิวส์รายงานโดยอ้างความเห็นของนายหวัง ฉิง หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจมหภาคจากบริษัทโกลเดน เครดิต เรทติงซึ่งกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของจีนอาจจะออกมาตรการเพิ่มเติม เช่น การผ่อนคลายข้อกำหนดการซื้ออสังหาริมทรัพย์และกฎระเบียบด้านการจำนอง รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการซื้อบ้าน เพื่อพยุงตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ให้ทรุดตัวลงรุนแรง
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของจีนได้ออกมากดดันให้ธนาคารพาณิชย์ผ่อนปรนเงื่อนไขให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยสนับสนุนให้มีการเจรจาเพื่อขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้
ทั้งนี้ วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนได้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นอุปสงค์