กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้วผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมีผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ, พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง.ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร,ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์,ร.ต.ท.ธีระยุทธ วันโสภา,ร.ต.ท.ปรวัฒน์ กนกทอง,ร.ต.ต.พิสิษฐ์ เมฆแสงสี รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา)
ร่วมกันจับกุม
1.นายสมชัยฯ อายุ 25 ปี (ผู้ขับขี่) สัญชาติ ไทย ผู้ถูกจับที่ 1
- นางสาวยู เรีย อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 2
- นางสาวฮานะ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 3
- นางสาวเซ นัว ระ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 4
- นายฮา มีส อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 5
- นายซา เต๊ะ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 6
- นายนุ เซ๊ะ อายุ 20 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 7
- นายบอ เซอะ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 8
- นายเนง ซุ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 9
- นายซานิ ตูซอง อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 10
- นายกาเด็น อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 11
- นายมานุ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 12
- นายซาตุ บอเซอะ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 13
- นายอาเซ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 14
- นายมูฮาหมัน ฮาเนส อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 15
- นายมูนี ฮาหมัน อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 16
- นายโนจุม อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 17
- นายอาบู ชามา อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 18
- นายตาฟา อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 19
- นายมองมองซุ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 20
- นายมองซัวเมะ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 21
- นายมูฮาหมัด รียาส อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 22
ฐานความผิด
ผู้ถูกจับที่ 1
1.รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
2.ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
3.ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรฯ
4.ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่
ผู้ถูกจับที่ 2 – 22 “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.รถยนต์นั่งสามตอน ยี่ห้อ TOYOTA FORTUNER สีน้ำตาล
2.โทรศัพท์ ยี่ห้อ OPPO สีเทา จำนวน 1 เครื่อง
3.โทรศัพท์ ยี่ห้อ IPHONE สีทอง จำนวน 1 เครื่อง
4.กุญแจรถยนต์ จำนวน 1 ดอก
สถานที่จับกุม บริเวณ กม.53-54 ถนนพหลโยธิน ทล.1 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ เมื่อเวลาประมาณ 20.10 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทาง บริเวณ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบรถยนต์นั่งสามตอน ยี่ห้อ TOYOTA FORTUNER สีน้ำตาล
โดยมีน้ำหนักที่รถยนต์มากว่ารถยนต์ปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและ
ใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด แต่เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับติดตามมาและได้เห็นสัญญาณไฟรวมถึงเสียงคำสั่งเจ้าหน้าที่สั่งให้หยุดรถเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินไปหาที่รถยนต์ดังกล่าวพร้อมแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้นรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หันทิศทางรถยนต์มาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยไม่เกรงกลัวว่าจะก่อให้เกิดอันตราย จึงได้ขับหลบหนีด้วยการเพิ่มความเร็ว โดยขับหลบหนีไปตามถนนพหลโยธิน ในขณะที่มีฝนตกถนนลื่นรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หลบหนีด้วยความเร็วแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นมีการเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันเป็นการขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นการกระทำที่สร้างความวุ่นวายและตื่นตระหนกตกใจขึ้นในที่สาธารณะรวมถึงอาจทำให้สุจริตชนได้รับอันตรายจากการกระทำของตน จนกระทั่งมาถึง บริเวณ กม.53-54 ถนนพหลโยธิน ทล.1 ต.ลำไทร อ.วังน้อย
จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทางหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 5 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบพร้อมสอบถามชื่อ นายสมชัยฯ(คนขับ) และมีแรงงานต่างด้าวจำนวน 21 คนนั่งโดยสารมาด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญรถยนต์คันดังกล่าวมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง พบว่า แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง การสอบถามนายสมชัยฯ(คนขับ) ให้การยอมรับว่า ได้รับการประสานจากชายไทยชื่อลี (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวที่บริเวณ ป่าข้างทาง อ.แม่ท้อ จ.ตาก จำนวน 21 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ โดยได้รับค่าจ้าง 15,000 บาท/ครั้ง โดยระหว่างทางจะมีชายไทย 2 คน คือ 1.นายก้องภพฯ 2.นายป๋อ (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ขับขี่รถยนต์กระบะ ISUZU สีขาว เป็นคนขับขี่นำเส้นทางเพื่อดูด่านตรวจหรือรถตำรวจระหว่างทางตั้งแต่จังหวัดตาก จนมาถึงที่เกิดเหตุ นายสมชัยฯ(คนขับ) รับว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 21 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆ และยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบ โดยตนนั้นได้กระทำแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้ง เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ และสอบถามแรงงานต่างด้าวผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยยังไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย เมื่อถึงปลายทาง จะมีญาติเป็นคนจ่ายเงินให้กับนายหน้าที่นำพาเข้าประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา นายสมชัยฯ(คนขับ) และแรงงานต่างด้าวทั้ง 21 คน และควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวังน้อย ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์ รอง สว.(ป.) ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.โทร.095-4016191