ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบช.ก.,
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น
รอง ผบก.ป.ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ, พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง
รอง.ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร, ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์, ร.ต.ท.ธีระยุทธ วันโสภา รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.
ร่วมกันจับกุม
- นายเจ๋งฯอายุ 25 ปี (ผู้ขับขี่)สัญชาติ ไทยผู้ต้องหาที่ 1
- นายซอจี อายุ 52 ปี สัญชาติ เมียนมาผู้ต้องหาที่ 2
- นายซอ โท อายุ 42 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ต้องหาที่ 3
- นายซา เซีย ออ อายุ 40 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ต้องหาที่ 4
- นายบิทุยอายุ 40 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ต้องหาที่ 5
- นายเมียทัดอายุ 40 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ต้องหาที่ 6
- นายซอ ทง อูอายุ 33 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ต้องหาที่ 7
- นายเซอ โก ตู อายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ต้องหาที่ 8
- นายจอ โซ เวอายุ 34 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ต้องหาที่ 9
- นายออ จอ โซอายุ 27 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ต้องหาที่ 10
- นายตัก กู กูอายุ 39 ปี สัญชาติ เมียนมาผู้ต้องหาที่ 11
- นายจอ เซ วูอายุ 20 ปีสัญชาติ เมียนมาผู้ต้องหาที่ 12
- นายโท โท เวียอายุ 37 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ต้องหาที่ 13
- นางสาวนี ตู หมองอายุ 46 ปีสัญชาติ เมียนมาผู้ต้องหาที่ 14
ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน - รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
- ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
- ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจที่มีกฎหมายให้ไว้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรฯ
- ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่
- ใช้รถที่ยังไม่ได้จดทะเบียน มาตรา 6(1)
ผู้ต้องหาที่ 2 – 14 ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ตรวจยึดของกลาง
- รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน
- โทรศัพท์ จำนวน 3 เครื่อง
- กุญแจรถยนต์ จำนวน 1 ดอก
สถานที่จับกุม บริเวณถนนริมคลอง หมู่ที่ 7 ต.ศาลาแดง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล. ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทางบริเวณ
อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา พบรถยนต์กระบะจอดอยู่ริมถนน โดยสังเกตว่ามีลักษณะน้ำหนักที่รถยนต์มากว่ารถยนต์ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งสัญญาณไฟและเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด
แต่เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับหลบหนี โดยขับหลบหนีไปตามถนนสายเอเชียด้วยความรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถยนต์ไล่ตาม ต่อมารถยนต์คันดังกล่าวได้ขับเข้าไปในบ้านของประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินไปหาที่รถยนต์ดังกล่าวพร้อมแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ผู้ขับขี่นั้นไม่ยอมจอดและพยายามขับขี่หลบหนีต่อและรถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หันทิศทางรถยนต์มาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยไม่เกรงกลัวว่าจะก่อให้เกิดอันตราย จนกระทั่งมาถึงบริเวณถนนริมคลอง หมู่ที่ 7 ต.ศาลาแดง
อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง รถยนต์คันดังกล่าวจึงหยุด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำการตรวจสอบ พบนายเจ๋งฯ อายุ 25 ปี เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะ โดยมีผู้ต้องหาที่ 2-14 นั่งโดยสารมาด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญผู้ต้องหาทั้งหมดมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดที่ สภ.เมืองอ่างทอง ภ.จว.อ่างทอง
จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาที่ 2 – 14 เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบว่า รถยนต์คันดังกล่าวไม่มีการจดทะเบียน
กับกรมการขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองอ่างทอง ภ.จว.อ่างทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหาที่ 1
ให้การยอมรับว่า ได้รับการประสานจากชายเมียนมาให้ไปรับแรงานต่างด้าวที่บริเวณป่าข้างทางในพื้นที่
ต.โกสัมพี อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร ทั้งหมดจำนวน 13 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยได้รับค่าจ้าง 13,000 บาท/ครั้ง ซึ่งระหว่างทางจะมีชายไทย 1 คน คือ นายโจ (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) เป็นคนขับขี่นำเส้นทางเพื่อดูด่านตรวจหรือรถตำรวจระหว่างทาง และทราบดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง
13 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆ โดยได้กระทำแบบนี้มาแล้ว 3 ครั้ง
และผู้ต้องหาที่ 2 – 14 ให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมาในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพาเพื่อจะเข้ามาหางานทำ
ในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 13,000-15,000 บาท