12 ตุลาคม 2566 รมช.คมนาคม มอบนโยบายการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้หาวิธีเพิ่มรายได้ โดยตั้งเป้าภายในปีงบประมาณ 2567 การรถไฟฯ จะต้องมีการรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 30%
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า เบื้องต้นได้รับทราบจากการรถไฟฯ ถึงผลประกอบการ พบว่าหลายปีที่ผ่านมา มีหนี้สะสมประมาณ 2 แสนล้านบาท จึงมอบหมายให้การรถไฟฯ หาวิธีเพิ่มรายได้ โดยตั้งเป้าภายในปีงบประมาณ 2567 การรถไฟฯ จะต้องมีรายได้จากการดำเนินงานเป็นบวก หลังจากนั้นต้องเพิ่มขึ้นเป็นกำไร เพื่อหักกับหนี้สะสม ซึ่งจะต้องมีการอัพเดตผลดำเนินงานทุกๆ 3 เดือน โดย รฟท. มีจุดแข็งเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่มีคู่แข่ง แต่จุดอ่อน คือเรื่องการพัฒนาที่มีความล่าช้า ซึ่งจะต้องมุ่งเน้นเรื่องจุดขายในการดึงผู้โดยสารมาใช้บริการ เพื่อเพิ่มรายได้ให้มาอยู่ที่ 30% หรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันมีรายได้จากการขนส่งสินค้าทางรถไฟอยู่ที่ 3% หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะตั้งทีมการตลาด เพื่อดึงรัฐวิสาหกิจ และเอกชน เข้ามาร่วมดำเนินการ
สำหรับโครงการสำคัญของ รฟท. ที่จะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาเล็งเห็นว่าจะเสนอโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 สายหาดใหญ่-ปาดังเปซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 6,660 ล้านบาท เตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. 19 ตุลาคมนี้ ก่อนที่จะนำเสนอให้ ครม. เห็นชอบภายในเดือนพฤศจิกายน 2566 และนอกจากนี้จะมีการเสนอโครงการรถไฟทางคู่ สายขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 29,748 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ สายปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 285 กม. วงเงิน 62,800 ล้านบาท และช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร วงเงิน 3.75 หมื่นล้านบาท เข้าบอร์ด รฟท. หลังจากนั้นจะต้องขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ภายในเดือนพฤศจิกายน โดยทั้งสี่เส้นทางดังกล่าวคาดว่าจะเปิดประมูลได้ประมาณปี 2567