วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
หน้าแรกต่างประเทศจีนจีนรักโลก..โลกรักจีน อุดมการณ์ “สมุดปกขาว”

Related Posts

จีนรักโลก..โลกรักจีน อุดมการณ์ “สมุดปกขาว”

การสะท้อนมุมมองของจีนที่มีต่อชาวโลกผ่าน “สมุดปกขาว” ของ สำนักงานสารนิเทศแห่งคณะมุขมนตรีของจีน ในหัวข้อเรื่อง “ความร่วมมือเพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ : ความคิดริเริ่มและการดำเนินการของจีน” ในโอกาสการครบรอบ 10 ปี โครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ซึ่งเป็นแนวคิดของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ต้องการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ ด้วยอุดมการณ์และแนวปฏิบัติที่ชัดเจนรอบด้าน

และเมื่อวันที่ 19 กันยายน องค์กรคลังสมองของจีนเผยแพร่รายงานเรื่อง “เพื่อคุณค่าและศักดิ์ศรีของการร่วมกันของมนุษยชาติ การดำเนินการและการอุทิศของจีนในการมีส่วนร่วมต่อการธรรมาภิบาลด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลก” รายงานดังกล่าวอธิบายประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ แนวคิดหลัก และโอกาสในอนาคตของจีน ในการมีส่วนร่วมธรรมาภิบาลด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลกอย่างรอบด้านและเป็นระบบ มีความสำคัญในเชิงปฏิบัติเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำความเข้าใจประเทศจีนให้ลึกซึ้ง ด้วยแนวคิดประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติต่อการส่งเสริมการธรรมาภิบาลด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น และมีคุณค่าต่อการเรียนรู้การพัฒนาร่วมกันเพื่อส่งเสริมการธรรมาภิบาลด้านมนุษยชนทั่วโลกในอนาคต

สร้างธรรมาภิบาลสิทธิมนุษยชนทั่วโลกและประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ

มนุษย์คือผลรวมของความสัมพันธ์ทางสังคมทั้งหมด ปัจจุบันการเชื่อมต่อระหว่างกันและคุณลักษณะแบบองค์รวมของสังคมมนุษย์นับวันยิ่งเด่นชัดมากขึ้น การแก้ไขปัญหาการพัฒนาของมนุษย์และอนาคตของโลกที่กำลังเผชิญอย่างเร่งด่วน ผ่านมุมมองของแนวคิดแบบองค์รวมของมนุษยชาติ จีนได้เสนอแนวคิดที่สร้างสรรคเพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติในปี 2013 แนวคิดนี้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาร่วมกันในระยะยาวของมนุษยชาติ ยึดมั่นในอำนาจสูงสุดของประชาชน และมุ่งหวังที่จะสร้างโลกแห่งสันติภาพอย่างยั่งยืน มีความปลอดภัยร่วมกัน รุ่งเรืองไปด้วยกัน เปิดกว้างและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน สะอาดและสวยงาม โดยพื้นฐานการธรรมาภิบาลสิทธิมนุษยชนทั่วโลกและการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาตินั้นได้สะท้อนผลไปพร้อมๆ กัน เป้าหมายขั้นสูงของการธรรมาภิบาลสิทธิมนุษยชนทั่วโลกคือการส่งเสริมการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ แนวคิดนี้ถือเป็นแนวทางเชิงระเบียบวิธีที่จีนมีส่วนร่วมในการธรรมาภิบาลสิทธิมนุษยชนทั่วโลก

การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ กลายเป็นส่วนสำคัญของระบบวาทกรรมด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ แนวคิดนี้ได้ถูกบรรจุเข้ามติของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติมากกว่า 10 ครั้ง และได้กลายเป็นส่วนสำคัญของระบบวาทกรรมด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ การประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 34 เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 ได้มีมติ 2 ประการ เกี่ยวกับ “สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม” และ “สิทธิในอาหาร” โดยมติระบุชัดเจนว่าจะ “สร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ” จากการดำเนินการแสดงให้เห็นว่าในกระบวนการส่งเสริมการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนของโลก จีนไม่ใช่คนนอก แต่เป็นนักเคลื่อนไหวที่ยังคงมีส่วนร่วมและมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการส่งเสริมกระบวนการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติอย่างต่อเนื่อง และเป็นพลังสำคัญที่มีอิทธิพลและผลักดันการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนของโลก ทั้งนี้ จีนยังอุทิศสติปัญญาและเสนอแนวทางเพื่อส่งเสริมการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนของโลกอีกด้วย

ส่งเสริมการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนและไม่ทิ้งประเทศหรือบุคคลใดไว้ข้างหลัง

จีนยึดมั่นแนวคิดการพัฒนาที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางมาโดยตลอด ดั่งคำกล่าวที่ว่า “ในทุกสรรพสิ่ง มนุษย์ประเสริฐที่สุด” จีนมุ่งมั่นส่งเสริมความทันสมัยความต้องการของมนุษย์ท่ามกลางกระบวนการส่งเสริมความทันสมัยแบบจีน โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวรายงาน ในการประชุมสรุปและยกย่องการบรรเทาความยากจนแห่งชาติจีน เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ว่าจีนสามารถเอาชนะการต่อสู่กับความยากจนในประเทศได้อย่างรอบด้าน ภายใต้เกณฑ์มาตรฐานในปัจจุบันมีประชากรในชนบทหลุดพ้นจากความยากจนอย่างสมบูรณ์กว่า 98.99 ล้านคน มี 832 อำเภอและ 128,000 หมู่บ้าน หลุดพ้นจากความยากจน ความยากจนโดยรวมของภูมิภาคได้รับแก้ไขแล้ว ภารกิจที่ยากลำบากได้เสร็จสิ้นลง และเป็นการสร้างปาฏิหาริย์ที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้

จีนสามารถแก้ไขปัญหาครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยการจัดการความยากจนที่สร้างความยากลำบากให้ประชาชนชาวจีนมานานนับพันปี จีนได้เพิ่มแรงจูงใจในการพัฒนาภายในของพื้นที่ยากจนและประชากรผู้ยากจนให้หลุดพ้นจากความยากจนอย่างรอบด้าน ทำให้ประชาชนเป็นแกนหลักของการพัฒนาอย่างแท้จริงและเป็นผู้รับผลประโยชน์จากการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง

จีนมีแนวคิดทางสังคมว่า “ใต้หล้าเป็นของปวงประชา” และ “ความกลมเกลียวที่ยิ่งใหญ่ทั่วใต้หล้า” มาตั้งแต่โบราณ อารยธรรมจีนมีความห่วงใยต่ออนาคตและชะตากรรมของมนุษยชาติมาโดยตลอด จีนในยุคปัจจุบันอยู่บนสมมติฐานของการตระหนักถึงการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนของตนเอง จีนได้มอบประสบการณ์ความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจและการบรรเทาความยากจนให้กับประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง และริเริ่มการร่วมกันสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ อาทิ โครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิผลในช่วง 10 ปี เมื่อนับตั้งแต่มีการเสนอเป็นครั้งแรก โดยสามารถกระตุ้นการลงทุนได้เกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีโครงการความร่วมมือหลายพันโครงการ สร้างงานให้กับประเทศที่เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากและช่วยให้ผู้คนในท้องถิ่นหลายสิบล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน โครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้สร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างกันกับประเทศต่างๆ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์และการพัฒนาร่วมกัน ความร่วมมือเชิงลึกด้านต่าง ๆ บรรลุผล เพื่อให้ประชาชนทุกประเทศได้รับรู้ถึงการได้รับอย่างแท้จริง

จีนได้ดำเนินการเชิงปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ตามแนวคิดประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ ความสำเร็จในการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนของจีนไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อตนเองเท่านั้น แต่ยังยกระดับผลประโยชน์ร่วมกันของมนุษยชาติได้อย่างแท้จริง

แนวคิดประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติเป็นแนวทางใหม่ในการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนของโลก

เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทาย เช่น อัตราเงินเฟ้อสูง อุปสงค์อ่อนแอ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และความมั่นคงด้านพลังงานและอาหาร ปัจจัยความไม่แน่นอนทั่วโลกเพิ่มขึ้น โลกกำลังเผชิญปัญหาด้านธรรมาภิบาล ปัญหาความไว้วางใจ ปัญหาการพัฒนา และปัญหาสันติภาพร่วมกัน ภารกิจในการสร้างโลกที่ดีกว่ายังคงเรื่องยากลำบาก เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ใหม่และภารกิจใหม่ จีนจึงดำเนินการแบบลัทธิพหุภาคีอย่างแท้จริงและส่งเสริมค่านิยมร่วมกันของสันติภาพ การพัฒนา ความชอบธรรม ความยุติธรรม ประชาธิปไตย และเสรีภาพสำหรับมวลมนุษยชาติ ตั้งแต่การริเริ่มด้านการพัฒนาทั่วโลกไปถึงการริเริ่มด้านความปลอดภัยทั่วโลกและไปจนถึงการริเริ่มด้านอายรยธรรมทั่วโลก ความหมายและเส้นทางปฏิบัติในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติได้รับการเสริมสร้างและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

รายงานชี้ให้เห็นว่าจีนสนับสนุนการปกป้องสิทธิมนุษยชนผ่านความปลอดภัย การเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนทุกประเทศ ปฏิบัติตามเส้นทางการพัฒนาอย่างสันติ ดำเนินการตามการริเริ่มด้านความปลอดภัยทั่วโลกในการสร้างสภาพแวดล้อมแห่งสันติสุขเพื่อการตระหนักถึงสิทธิมนุษยชน ผลักดันด้านสิทธิมนุษยชนผ่านการพัฒนา ดำเนินการตามการริเริ่มด้านการพัฒนาทั่วโลกเพื่อปรับปรุงการพัฒนาให้ครอบคลุม เป็นสากลและยั่งยืน ประชาชนของทุกประเทศมีหลักประกันที่จะได้รับสิทธิมนุษยชนอย่างยุติธรรมด้วยแนวทางการพัฒนาที่ทันสมัยของตนเอง ผลักดันด้านสิทธิมนุษยชนผ่านความร่วมมือ เคารพซึ่งกันและกัน ปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมกัน การดำเนินการตามการริเริ่มด้านอารยธรรมทั่วโลกเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างอารยธรรม สร้างฉันทามติผ่านการพูดคุย ส่งเสริมการพัฒนาและความก้าวหน้าของอารยธรรมทางสิทธิมนุษยชนร่วมกัน

การส่งเสริมธรรมาภิบาลด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศ มีเพียงไม่กี่ประเทศที่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการเผชิญหน้าทางอำนาจของประเทศมหาอำนาจ และการต่อสู้ทางภูมิรัฐศาสตร์ มีความกระตือรือร้นต่อพฤติกรรม “การตีตรา” และการปฏิบัติแบบลัทธิฝ่ายเดียว การกีดกันทางการค้า และการใช้อำนาจครอบงำ ซึ่งกลายเป็นการบ่อนทำลายสันติภาพและการพัฒนาสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศ รวมไปถึงเป็นปัจจัยหลักต่อการขัดขวางการพัฒนาด้านสิทธิมนุษยชนของโลก อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับการพัฒนาของมนุษย์ก็เหมือนกับการไม่รู้จักประมาณตนไปทำเรื่องที่ทำไม่ได้ และในทางตรงกันข้าม แผนธรรมาภิบาลด้านสิทธิมนุษยชนทั่วโลกของจีนได้รับการสนับสนุนจากประเทศและประชาชนจำนวนมาก นายอังตอนียู กูแตรึช เลขาธิการของสหประชาชาติ กล่าวถึงโครงการริเริ่มการพัฒนาทั่วโลกว่า “ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว”  เผยให้เห็นว่าสหประชาชาติยินดีร่วมมือกับจีน และร่วมทำงานกับประเทศต่าง ๆ เพื่อผลักดันโครงการให้เกิดขึ้นจริง

ด้วยเหตุนี้กระมัง ทำให้คนทั้งโลกรัก “จีน” มากขึ้นทุกวัน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts