ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี, พ.ต.อ.ทองศูนย์ อุ่นวงค์, พ.ต.อ.กฤษฎาพรปานโปร่ง, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ ผกก.1
บก.ปอท.,พ.ต.ท.ภัททสักก์ ธนสุกาญจน์., พ.ต.ท.ภานุภัทร กิตติพันธ์ รอง ผกก.1 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น พ.ต.ท.เอกคณิต เนตรทอง, พ.ต.ท.อารัติ พายทอง, พ.ต.ต.หญิง หทัยชนก
อินทรวิจิตร สว.กก.1 บก.ปอท ,ร.ต.อ.ดุสิต ยอดหวิด, ร.ต.อ.ทัศพงษ์ ผ่องใส, ร.ต.ท.นันทนคร บุรี รอง สว.กก.1 บก.ปอท.,ด.ต.ศุภวัฒน์ ผอมสวัสดิ์, ด.ต.หญิงเมษิณี สันบู, ด.ต.พงษ์เทพ เลิศพิภพ, ด.ต.เอกชัย บุญบุตร, ส.ต.อ.เจตธัฐ มหินทรเทพ,ส.ต.อ.นนทวัส วรรณสุทธิ์, ส.ต.อ.ธนาธิป บุญชูวงศ์ผบ.หมู่ กก.1 บก.ปอท.
ร่วมกันจับกุม
นายธเนศพล (เต้) อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 4194/2566 ลง 16 พฤศจิกายน 2566
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน,เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ,ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง,ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบอันเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้ผู้มีสิทธิใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือใช้เบิกถอนเงินสดในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
พร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
1. โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
สถานที่จับกุม บริเวณบ้านพัก ในพื้นที่ ม.4 ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566
พฤติการณ์ ก่อนหน้านี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.1 บก.ปอท. ได้รับคำร้องทุกข์ กรณีได้มีคนร้ายเข้าถึงระบบแอปพลิเคชันบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์ของผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายได้ทำการโพสข้อความจากเฟซบุ๊กส่วนตัว ไปยังเพจเฟซบุ๊กของบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์ เรื่องการขอคืนแต้มคะแนน (reward point) จากนั้นคนร้ายได้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กปลอมเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทฯ ตอบกลับข้อความกระทู้ผู้เสียหายว่าสามารถทำการคืนแต้มคะแนนได้แต่ต้องทำการกดเพิ่มเพื่อนไปยัง Line OA ซึ่งเป็น Line OA ที่คนร้ายทำปลอมไว้
เมื่อเพิ่มเพื่อนไปยัง Line OA ผู้เสียหายเห็นว่าทั้งภาพโลโก้ และชื่อของบริษัทปรากฎคล้ายกับ Line OA ของเครือข่ายโทรศัพท์จริง จึงหลงเชื่อและสนทนากับคนร้าย โดยคนร้ายหลอกให้ผู้เสียหายส่งข้อมูลส่วนบุคคล หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่และรหัสยืนยันตัวตน OTP ของผู้เสียหายให้ ต่อมาผู้เสียหายพบว่าบัญชีธนาคารที่ผูกไว้กับแอปพลิเคชัน
มียอดใช้จ่ายโดยที่ผู้เสียหายมิได้เป็นผู้ทำรายการเอง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงเข้าแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน กก.1
บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหา และได้ทำการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาอยู่ ในพื้นที่ ม.4 ต.ท่าจีน อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร จึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา ก่อนทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับส่ง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย กรณีดังกล่าวนั้นขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อคำเชิญชวน หรือคำโฆษณาใดบนโลกออนไลน์ว่าจะให้ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนใดๆ หรือหากได้รับการติดต่อจากผู้ให้บริการอาทิ เช่น LINE official หรือ Facebook official ของบริษัทต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นของแท้แน่นอนหรือไม่ อาจถูกมิจฉาชีพปลอมขึ้นมาเพื่อพูดคุยกับเราได้ และอย่ากดลิ้งค์อะไรก็ตามที่ส่งมาให้กรอกเพื่อขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว รวมถึงข้อมูลบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัว และไม่ควรที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ข้อมูลบัตรเครดิต รวมถึงข้อมูล OTP เป็นต้น
จากการสอบถามปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฎิเสธ อ้างว่าผู้เสียหายยินยอมให้ข้อมูลกับผู้ต้องหาเอง
