วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกอาชญากรรมตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสองผัวเมียแก๊งเรียกค่าไถ่รีดทรัพย์กว่าครึ่งล้าน ล่องหน 11 ปี สุดท้ายจนมุม

Related Posts

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบสองผัวเมียแก๊งเรียกค่าไถ่รีดทรัพย์กว่าครึ่งล้าน ล่องหน 11 ปี สุดท้ายจนมุม

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง CIB โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการ ของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ศราวุธ จันต๊ะวงค์ ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร, พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก, พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล, พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ รอง ผกก. .2 บก.ป.

เจ้าพนักงานผู้จับกุม กก.2 บก.ป. นำโดย พ.ต.ต.กรพงศ์ วงษาลังการ สว.กก.2 บก.ป., ร.ต.อ.อิทธิพล
อ่ำมาก รอง สว.กก.2 บก.ป., ร.ต.อ.ตุลย์ มณีเมือง รอง สว.(สอบสวน), ด.ต.ดำรงค์ ส่งศรี, ด.ต.กฤตพล ต่นกระโทกส.ต.อ.พงศธร ดวงแก้ว ผบ.หมู่ กก.๒ บก.ป.

ร่วมกันจับกุม
1.นางสาววิภาวานีฯ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 292/2555 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555 ต้องหาว่ากระทำผิดฐาน“ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันใช้บัตรอิเล็คทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการเบิกถอนเงินสด,ร่วมกันกรรโชกโดยขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายสาหัส”
2.นายปิยพงษ์ฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ จ.102/2565 ลงวันที่
30 เมษายน 2565 ต้องหาว่ากระทำผิดฐาน“ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลหนึ่งและร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น(เงินจำนวน 5,000,000บาท) และร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการและร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอม”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ถ.ทวารวดีใต้ ต.ห้วยจรเข้ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม

พฤติการณ์การ ก่อนหน้านี้ได้มีโทรศัพท์จากชายไทย ไม่ทราบชื่อ โทรเข้าโทรศัพท์บ้านของผู้เสียหาย
อ้างว่าเป็นแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ และได้จับตัวลูกชายของผู้เสียหายไว้เนื่องจากลูกชายของผู้เสียหายไปค้ำประกันเงินกู้นอกระบบ หากไม่โอนเงินมาชำระหนี้ที่ค้ำประกันไว้ จะทำการตัดแขนขาของลูกชาย ผู้เสียหายหลงเชื่อและเกรงว่าลูกชายจะได้รับอันตราย จึงได้ออกไปโอนเงินที่ธนาคาร จำนวน 6 ครั้ง เป็นเงินรวม 600,000 บาท ไปยังบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหา
ต่อมาผู้เสียหายได้โทรศัพท์กลับไปหาคนร้าย ปรากฎว่าไม่สามารถติดต่อได้ และเมื่อกลับไปตรวจสอบที่บ้าน พบว่าลูกชายกลับมาที่บ้านแล้ว และไม่ได้ถูกคนร้ายจับตัวไปแต่อย่างใด จึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในคดีนี้ปรากฎว่าสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาอื่น จำนวน 5 ราย มาดำเนินคดีได้แล้ว แต่ยังคงเหลือนางสาววิภาวานีฯ ผู้ต้องหารายนี้ ที่ยังหลบหนีอยู่
เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนติดตามกลุ่มคนร้ายที่หลบหนีมานานกว่า 11 ปี จนทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ ในพื้นที่ ถ.ทวารวดีใต้ ต.ห้วยจรเข้ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม จึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา และได้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในบริเวณดังกล่าว พบว่านางสาววิภาวานีฯ อยู่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง จึงได้เข้าทำการจับกุมตัว และได้แจ้งให้ทราบว่าต้องถูกจับกุมตามหมายจับข้างต้น ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวนกก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบข้อมูลหมายจับของนายปิยพงษ์ฯ สามี พบว่าเคยถูกจับกุมดำเนินคดี (กรณีเรียกค่าไถ่) นี้มาแล้ว แต่ได้ไปก่อคดีในลักษณะคล้ายกันนี้อีก ซึ่งมีความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท จึงได้จับกุมตัวตามหมายจับ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้น ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts