25 พฤศจิกายน 2566 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ยืนยันค่าการตลาดขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 2 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสม พร้อมให้ตรวจสอบ
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวถึงกรณีกระทรวงพลังงาน ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันทุกรายควบคุมค่าการตลาดน้ำมันเบนซินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ใช้น้ำมัน ว่า โออาร์สนับสนุนนโยบายรัฐในการปรับโครงสร้างต่างๆเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ แต่คงต้องไปดูโครงสร้างราคาน้ำมัน ซึ่งประกอบด้วย ภาษีเป็นส่วนใหญ่ ราคาขายจากตลาดสิงคโปรซึ่งประกาศทุก 6 โมงเย็น และค่าการตลาด โดยราคาคิดเป็น 60% ภาษีคิดเป็น 30% ส่วนค่าการตลาดคิดเป็น 5-6% เท่านั้น ยืนยันโออาร์ยืนอยู่บนการดูแลประชาชนในค่าการตลาดที่เหมาะสม พูดกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม คือ 2 บาท แต่อยากให้เห็นภาพจากการแถลผลประกอบการล่าสุด 9 เดือนของปี 2566 โออาร์ มีกำไรสุทธิจำนวน 10,901 ล้านบาทขณะที่ยอดขายรวม 6 แสนกว่าล้านบาท เมื่อคำนวนเทียบสัดส่วนแล้วไม่ถึง 2%
“ถ้าเรามีกำไรมากมาย ถ้า 7% ก็น่าสงสัยว่า ไอ้นี่คงกินค่าการตลาดเยอะ ไม่มีใครอยากทำธุรกิจที่รีเทิร์นไม่ถึง 2% ด้วยจึงอยากชวนคิด ผมไม่มีคำตอบให้ท่านคิดดูว่า สัดส่วนการได้กำไรมันเยอะมั้ย ขณะเดียวกันเรามีไลฟ์สไตล์ที่กำไรอยู่ 25-30% ดังนั้นกำไรส่วนนั้นเหลือเพียง 1% ของ 10,901 ล้านบาท ดังนั้น ทอนไปเหลือ 1% ซึ่ง1% กับการสร้างความภาคภูมิใจให้คนไทย เมื่อแข่งขันกับต่างชาติ คือ มี eco system ที่สมบูรณ์ มีร้านค้ามากมายมี sme ที่เติบโตไปกับเรา สิ่งที่โออาร์สนับสนุนประชาชน กระจายรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพีทีที สเตชั่นคาเฟ่ อเมซอน ห้องน้ำสะอาด ดังนั้น ค่าการตลาด 2 บาทจึงเป็นองค์รวม โดย 1 บาทแบ่งให้กับดีลเลอร์ ส่วนอีก 1 บาทเราก็เก็บไว้ เป็นค่าเงินเดือนและการลงทุนต่อเนื่อง ยืนยันค่าการตลาดที่เราได้เฉลี่ยอยู่ที่ 2 บาท เราพร้อมให้ตรวจสอบ ไม่มีบิดเบือน เพราะเราเป็นองค์กรของรัฐต้องดำเนินตามนโยบายรัฐบาลโดยไม่มีข้อแม้ ดูแลประชาชน ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลผู้ถือหุ้นด้วย เพื่อให้เชื่อมั่นในความเป็นโออาร์” นายดิษทัตกล่าว