วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
หน้าแรกการเมืองศรีสุวรรณจ่อร้อง กกต.กรณีศักดิ์สยาม

Related Posts

ศรีสุวรรณจ่อร้อง กกต.กรณีศักดิ์สยาม

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 1 ให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีเนื่องจาก “ซุกหุ้น” หรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ม.187 ประกอบ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วน และหุ้นส่วนของรัฐมนตรี 2543 มาตรา 4(1) ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ ม.170 วรรค 1 (5) อันเป็นคำร้องที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 54 คนได้ยื่นเรื่องต่อประธานสภาฯ ชงเรื่องมายังศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง พ.ค.2566 นั้น

แต่ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า ช่วงเวลาภายหลัง นายศักดิ์สยาม โอนหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ ให้นายศุภวัฒน์ ถือครองแทนนั้น มีการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้กับพรรคภูมิใจไทย ที่มี นายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค และในยุคที่ นายศักดิ์สยาม เป็น รมว.คมนาคม อยู่นั้น หจก.บุรีเจริญฯ ก็รับประมูลงานของกระทรวงระหว่างปี 2562-2564 รวม 104 โครงการมูลค่า 1,568 ล้านบาท จะถือเป็นการได้ประโยชน์จากการก่อสร้าง หรือประมูลงานจากรัฐอันอาจต้องห้ามตาม ม.66 วรรคสอง รวมทั้งฝ่าฝืน ม.72 ประกอบ ม.92(3) ของ พรป.พรรคการเมือง 2560 ที่ห้ามพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัย ว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นเหตุให้ถูกยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปีได้

ด้วยเหตุดังกล่าว องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงจะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปยื่นแจ้งต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนหรือไต่สวนในกรณีดังกล่าว หากวินิจฉัยว่าฝ่าฝืนให้เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งลงโทษคณะกรรมการบริหารพรรคและพรรคการเมืองที่ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

เวลาต่อมาเมื่อวันที่ 24 ม.ค.67 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อให้เร่งตรวจสอบคำวินิจฉัยต่อกรณีดังกล่าวข้างต้น

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติ 7 ต่อ 1 วินิจฉัยให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีเนื่องจาก “ซุกหุ้น” หรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ม.187 ประกอบ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วน และหุ้นส่วนของรัฐมนตรี 2543 มาตรา 4(1) ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ ม.170 วรรค 1 (5) แล้วนั้น

แต่เนื่องจาก คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ ม.211 วรรคสี่ ประกอบ ม.5 ซึ่งในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า ช่วงเวลาภายหลังนายศักดิ์สยามโอนหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ ให้ นายศุภวัฒน์ ถือครองแทนนั้น หจก.ดังกล่าวมีการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้กับพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายศักดิ์สยามดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคหลายต่อหลายครั้ง

โดยในยุคที่ นายศักดิ์สยาม เป็น รมว.คมนาคม อยู่นั้น หจก.บุรีเจริญฯ ก็รับประมูลงานของกระทรวงระหว่างปี 2562-2564 รวม 104 โครงการมูลค่า 1,568 ล้านบาท จะถือเป็นการได้ประโยชน์จากการก่อสร้าง หรือประมูลงานจากรัฐ ซึ่งเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาดังกล่าว อาจถือได้ว่าต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.184 และ ม.185 และหรือ ม.186 อันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ อาจเข้าข่ายต้องห้ามตาม ม.66 วรรคสอง รวมทั้งฝ่าฝืน ม.72 แห่ง พรป.พรรคการเมือง 2560 ที่ห้ามพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า กรณีดังกล่าวจะถือว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

กรณีดังกล่าว จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของ นายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต.ที่จะต้องเร่งดำเนินการไต่สวนหรือสอบสวนให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว และหากวินิจฉัยว่าฝ่าฝืนให้เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งลงโทษเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 10 ปีและเป็นเหตุให้พรรคดังกล่าวถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยุบพรรคได้ ตาม ม.92(3) ของ พรป.พรรคการเมือง 2560 นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts