วันอังคาร, พฤศจิกายน 26, 2024

Related Posts

สิ้นหวัง กับ กสทช.

“…กสทช. วันนี้ยังคงเต็มไปด้วยความขัดแย้งยังคงฟัดกันนัว ไหนจะเรื่องที่บอร์ดกสทช.ฟ้องประธาน กสทช. , รักษาการเลขาธิการ กสทช.ฟ้อง 4  กสทช.ต่อศาลอาญาใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ กลั่นแกล้งทำให้ไม่ได้รับการพิจารณาเสนอชื่อเป็นเลขาธิการ ไหนจะเรื่องที่ นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. ยื่นฟ้อง ประธานกสทช.เป็นจำเลยในข้อหาเป็น เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตัวรองเลขาธิการก็ยังคงมีกรณีร้องเรียนอิรุงตุงนังตามมาอีกเป็นพรวน จนทำให้ กสทช.ไม่เป็นอันได้ทำงานหรือพิจารณาเรื่องสำคัญใด ๆ แค่มีการพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างอันเป็นงาน “รูทีน” พื้นๆ สิวๆ เท่านั้น ความคาดหวังที่จะเห็นองค์กร กสทช.เป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโทรคมนาคมให้เป็นปัจจัยหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยามนี้ จึงเป็นได้แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้น…”

*น่าเสียดายโอกาสทองของอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมไทยในวันนี้ แทนที่จะเป็นกลไกหลักของการขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยยามนี้ เฉกเช่นในอดีตเมื่อปี 2563 ที่เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกเผชิญวิกฤตตกต่ำกันถ้วนหน้าจากวิกฤตไวรัสโควิด -19*

แต่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมบ้านเรากลับสวนทิศผงาดขึ้นมาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักในเวลานั้น เพราะเรามีการจัดประมูลคลื่นความถี่ 5G ใน 3 คลื่นหลักคือ 700 MHz 2600 , MHz และ 26 GHz ที่ไม่เพียงจะนำเงินเข้ารัฐได้มากกว่า 1 แสนล้านบาทแล้ว

ยังก่อให้เกิดการลงทุนในโครงข่ายโทรคมนาคม 5G ตามมาอีกนับแสนล้าน และมีส่วนในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศตามมาอีกหลายแสนล้าน กลายเป็นปัจจัยหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมที่ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

ฐากร ตัณฑสิทธิ์

ผลงานชิ้นโบว์แดงในครั้งนั้น คงต้องยกนิ้วให้ กสทช. ชุดก่อน รวมทั้ง นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.ในเวลานั้นที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันและประสานสิบทิศจนทำให้เกิดการประมูลคลื่น 5G ได้

หันกลับมาดูสภาพขององค์กร กสทช.ในปัจจุบัน กล่าวได้ว่าความหวังและหนทางในอันที่จะหวังพึ่งการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม รวมไปถึงกิจการวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์หรือดิจิทัลทีวี ให้ผงาดขึ้นมาเป็นกลไกหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยนั้น “ริบหรี่” เต็มทน!

ทั้งจากสถานการณ์ของกิจการดิจิตอลทีวี ภายหลังจากเปิดเสรีออกใบอนุญาตประกอบกิจการดิจิทัลทีวีไปเป็นกุรุดกว่า 20 ช่องเมื่อปี 56 ปัจจุบันกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายของใบอนุญาตนั้น กล่าวได้ว่าผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลทุกช่องต่างอยู่ในสภาพ “หืดจับหายใจไม่ทั่วท้อง”  ยังคงยืนอยู่บนเส้นด้ายที่ต้องเดินปรับตัวกันเป็นรายวัน จากการไหลบ่าเข้ามาของสื่อสังคมออนไลน์ และแพลตฟอร์ม platform ใหม่ๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด

ไม่ต่างไปจากกิจการกระจายเสียง หรือบรรดาผู้ประกอบการสถานีวิทยุ หรือวิทยุชุมชน นับร้อยนับพันสถานีในปัจจุบันที่กล่าวได้ว่า อยู่ในสภาพหืดจับหายใจไม่ทั่วท้องถูกกระแสไหลบ่าของแพลตฟอร์มใหม่ๆ ทั้ง LINE Facebook และ YouTube ตลอดจนสื่อออนไลน์บน platform ใหม่ๆที่ก่อกำหนดขึ้นมาได้เบียดให้สถานีวิทยุ กิจการวิทยุกระจายเสียงทั้งหลายแทบจะสูญพันธุ์

นัยว่าบางคลื่นบางสถานี ที่เคยเป็นขุมทรัพย์เป็นแม่เหล็กของสื่อด้านนี้ ที่ต้องจ่ายค่าเวลาค่าสถานีกันเดือนละ 3 ล้าน 5 ล้านแต่เวลานี้แค่ค่าน้ำค่าไฟเดือนละ 3-5 แสน ผู้ประกอบการหรือผู้เช่าสถานียังต้องร้องขอชีวิตกันอยู่เลย

ขณะองค์กรกำกับดูแลคือ กสทช. วันนี้ยังคงเต็มไปด้วยความขัดแย้งยังคงฟัดกันนัว ไหนจะเรื่องที่บอร์ด กสทช.ฟ้องประธาน กสทช. , รักษาการเลขาธิการ กสทช.ฟ้อง 4 กสทช.ต่อศาลอาญาใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ กลั่นแกล้งทำให้ไม่ได้รับการพิจารณาเสนอชื่อเป็นเลขาธิการ ไหนจะเรื่องที่ นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. ยื่นฟ้อง ประธาน กสทช.เป็นจำเลยในข้อหาเป็น เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช.

แม้ก่อนหน้านี้ ที่ประชุมบอร์ด กสทช.จะมีมติเสียงข้างมากจะ “หักดิบ” ไม่เห็นชอบรายชื่อบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นเลขาธิการ กสทช. คนใหม่ ตามที่ประธาน กสทช.นำเสนอ แต่กระนั้นความโกลาหลของกระบวนการสรรหาและแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช.คนใหม่ก็ยังคงไม่มีข้อยุติ ตัวรองเลขาธิการก็ยังคงมีกรณีร้องเรียนอิรุงตุงนังตามมาอีกเป็นพรวน จนทำให้ กสทช.ไม่เป็นอันได้ทำงานหรือพิจารณาเรื่องสำคัญใด ๆ โดยเฉพาะกรณีการปรับโครงสร้างองค์กร กสทช.ให้ทันสมัยรองรับการไหลบ่าของกิจการสื่อสารโทรคมนาคมใหม่ที่กำลังมีอยู่ที่แม้เวลาจะล่วงเลยมาร่วมปีก็ยังไม่สามารถดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรให้เป็นที่ยุติได้  การประชุมบอร์ด กสทช.วันนี้แทบจะเป็นการพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างอันเป็นงาน “รูทีน”พื้นๆ สิวๆ เท่านั้น

*ความคาดหวังในอันที่จะเห็นองค์กร กสทช.เป็นองค์กรหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโทรคมนาคมให้เป็นปัจจัยหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในยามนี้ที่กำลังฝืดเคือง ประชาชนชักหน้าไม่ถึงหลัง หวังแต่เงินดิจิทัลจะมาเยียวยานั้นจึงเป็นได้แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้น*

*เอวัง!!!*

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts