วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
หน้าแรกต่างประเทศจีนศาลสั่งจำคุกคนละ 15 ปี "5 ตำรวจ ตม." รีดเงินชาวจีน 10 ล้าน

Related Posts

ศาลสั่งจำคุกคนละ 15 ปี “5 ตำรวจ ตม.” รีดเงินชาวจีน 10 ล้าน

ในวันที่ (12 ก.พ.2567) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลออกนั่งบัลลังก์ อ่านคําพิพากษาคดีรีดเงินชาวจีน ที่พนักงานอัยการ สํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบรามการทุจริต 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ด.ต.พีระศักดิ์ ยิ้มไพบูลย์ ผบ.หมู่ สืบสวน บก.ตม.1 กับพวกรวม 6 คน เป็นจำเลยในคดีร่วมกันรีดเงินจากนักธุรกิจชาวจีน 10 ล้านบาท

อัยการโจทก์ ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า จำเลยที่ 1-5 ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ สังกัดกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 (บก.ตม.1 ) ควบคุมตัวผู้เสียหายชาวจีนทั้ง 2 คน ขึ้นรถยนต์ไปที่ทำการกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แล้วไม่นำตัวผู้เสียหายเข้าสำนักงานฯ แต่กลับขับรถพาผู้เสียหายทั้ง 2 วนไปสถานที่ต่าง ๆ และเจรจาต่อรองเรียกเงินจากผู้เสียหายที่ 1 เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีแก่ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าวมีบัตรประจำตัวประชาชนคนไทยโดยมิชอบ

ส่วนจำเลยที่ 6 ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน แต่เป็นผู้ร่วมวางแผนและนัดหมายผู้เสียหายให้ไปพบ เพื่อให้จําเลยที่ 1-5 จับกุมและเรียกรับเงิน ขอให้ลงโทษจําเลยทั้ง 6 คน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 26, 149, 253, 30, 310

@suebjarkkhao

ศาลสั่งจำคุกคนละ 15 ปี “5 ตำรวจ ตม.” รีดเงินชาวจีน 10 ล้าน

♬ เสียงต้นฉบับ – Suebjarkkhao – Suebjarkkhao

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักให้ฟังได้มั่นคงว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ จำเลยที่ 1-5 ซึ่งได้รับข้อมูลจากจำเลยที่ 6 แจ้งให้ทราบเกี่ยวกับผู้เสียหายที่ 1 บุคคลสัญชาติจีน มีบัตรประจําตัวประชาชน ที่ออกให้โดยมิชอบ ออกปฏิบัติหน้าที่ติดตามไปพบผู้เสียหายที่ 1 ลักษณะเป็นบุคคลต่างด้าวมีพฤติการณ์อันควรสงสัย มีผู้เสียหายที่ 2 เป็นล่ามให้ จึงเชิญตัวบุคคลทั้งสองขึ้นรถยนต์ แล้วเจรจา เรียกเงินจากผู้เสียหายที่ 1 จนกระทั่งตกลงกันได้เป็นเงิน 10 ล้านบาท

ลูกชายผู้เสียหายที่ 1 โอนเงินดิจิทัล เข้าหมายเลขบัญชีที่จําเลยที่ 2 แจ้งให้โอนเข้า จําเลยที่ 1-5 จึงปล่อยตัวบุคคลทั้งสองไป อันเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดย มิชอบฯ

และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

โดยมีจําเลยที่ 6 ร่วมกันกระทำความผิดดังกล่าวในลักษณะแบ่งหน้าที่กัน เป็นตัวการสมคบร่วมกระทำความผิดกับจําเลยที่ 1-5 แต่เมื่อจําเลยที่ 6 มิได้เป็นเจ้าพนักงาน ขาดคุณสมบัติเฉพาะตัวตามที่กฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ จึงมีความผิดเป็นผู้สนับสนุน

เจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ และสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ

การกระทำของจำเลยทั้ง 6 ดังกล่าว เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และเมื่อการกระทำของจำเลยทั้ง 6 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ซึ่งเป็นบทเฉพาะของบททั่วไปตามมาตรา 157 แล้ว ย่อมไม่จำต้องปรับบทความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นบททั่วไปอีก

เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในการเชิญผู้เสียหายทั้ง 2 ไป เพื่อตรวจสอบ สืบเนื่องจากผู้เสียหายที่ 1 เป็นบุคคลต่างด้าวมีลักษณะอันควรสงสัยว่ากระทำผิดกฎหมาย

โดยมีผู้เสียหายที่ 2 ร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อเป็นล่าม ไม่ปรากฏพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1-5 อันมีลักษณะเป็นการใช้กำลังบังคับ ข่มขืนใจ หรือทำให้บุคคลทั้ง 2 กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของบุคคลดังกล่าวหรือของผู้อื่น

นอกจากนี้ เมื่อตามพฤติการณ์ช่วงเกิดเหตุ ผู้เสียหายที่ 1 ก็ไม่ต้องการให้จำเลยที่ 1-5 ดำเนินคดีแก่ตน จึงได้เจรจาต่อรองจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายให้แก่จำเลยที่ 1-5 โดยผู้เสียหายที่ 2 ก็ช่วยผู้เสียหายที่ 1 เจรจาต่อรองและขอแบ่งเงินจากจำเลยที่ 1-5 กรณีนี้จึงฟังไม่ได้ว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 6 เป็นการร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังฯ

แล้วร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอม ต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น การกระทำของจำเลยทั้ง 6 จึงไม่เป็นความผิดดังกล่าว

ศาลฯ พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ประกอบมาตรา 83, จำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ประกอบมาตรา 83 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1-5 คนละ 15 ปี และลงโทษจำคุกจำเลยที่ 6 เป็นเวลา 10 ปี

สำหรับมูลเหตุคดีนี้ สืบเนื่องจากเหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2566 ตำรวจ ตม.ก่อเหตุร่วมกันอุ้ม น.ส.นามี แซ่ลี อายุ 38 ปี หญิงชาวไทยที่เป็นล่ามภาษาจีน พร้อมนายฉี เพื่อนชายชาวจีนอีก 1 คน จากบ้านพักย่านซอยประชาสงเคราะห์ 2 แขวงดินแดง เขตดินแดง ก่อนรีดทรัพย์เป็นเงินคริปโตเคอร์เรนซีไป

ต่อมา น.ส.นามี ได้เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 20 มี.ค.2566 ก่อนตำรวจขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับตำรวจรวม 5 นาย และติดตามจับกุมได้ตามลำดับ ได้แก่ พ.ต.ต.สรวิศ สว.กก.สส.บก.ตม.1, ร.ต.ท.สุริยะ รอง สว.สส.บก.ตม.1, ด.ต.พีระศักดิ์ ผบ.หมู่ งาน สส. บก.ตม.1, ร.ต.ท.ประวิต รอง สว.กก.สส.บก.ตม.1 และ พ.ต.ต.จิรภัทร สว.กก.สส.บก.ตม.1 ทั้งหมดไม่ได้รับการประกันตัวร่วมกันจับกุม และนายสุรชัย ในฐานะคนชี้เป้า

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts