“…การขับเคี่ยวกันทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯกับจีน และผู้ที่กำลังเล่นบทตัวหลักของเทคโนโลยีเอไอก็หัวเหวย(HUAWEI)กับอินวิเดีย(NVIDIA)โดยทั้งคู่เป็นบริษัทนำหน้าในการผลิตชิปเอไอที่เป็นหัวใจของเทคโนโลยีเอไอ เทียบกันแล้ว เฉพาะก่อนหน้านี้อินวิเดียกินขาด ครองความเป็นจ้าวในด้านผู้ผลิตชิปเอไอ แต่พอ หวงเหรินซวิน (Jensen Huan g)ผู้ก่อตั้งและเป็นซีอีโอของอินวิเดียชี้เปรี้ยงออกมาว่า คู่แข่งสำคัญของเขามีเพียงรายเดียวคือหัวเหวย ดูได้จากการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของสมาร์ทโฟนHUAWEI Mate60 Pro เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ก็ได้พิสูจน์ชัดแล้วว่า อุตสาหกรรมผลิตชิปจีนได้ค้นพบทางออกที่เป็นของตนเองแล้ว และโอกาสที่จะมีการนำร่องให้แก่การพัฒนาชิปเอไอได้อย่างก้าวกระโดดก็สูงยิ่ง ด้วยจุดแข็งของสินค้าจีนยุคใหม่ที่มีเอกลักษณ์”ดีกว่าถูกกว่า”เสมอ ดังเช่นที่กำลังเป็นอยู่ในตลาดรถไฟฟ้าทั่วโลก …”
…………………………………………….
ตอน HUAWEI vs NVIDIA 华为vs英伟达
ภาพใหญ่สังคมโลก ณ วันนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการขับเคี่ยวกันระหว่างสหรัฐฯกับจีน และการขับเคี่ยวกันของสองมหาอำนาจนี้ ไม่มีอะไรเกินกว่าการขับเคี่ยวกันทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และจุดเด่นของการขับเคี่ยวนี้กำลังโฟกัสมายังสมรภูมิปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ และผู้ที่กำลังเล่นบทตัวหลักของเทคโนโลยีเอไอก็หัวเหวย(HUAWEI)กับอินวิเดีย(NVIDIA)โดยทั้งคู่เป็นบริษัทนำหน้าในการผลิตชิปเอไอที่เป็นหัวใจของเทคโนโลยีเอไอ
ปัจจุบันนี้ อินวิเดียก็คือผู้ป้อนชิปเอไอให้กับโอเพนเอไอ ผู้พัฒนาระบบ Chat GPT และ Sora Ai ที่กำลังแหวกนำหน้าไปสู่มิติใหม่ของวงการปัญญาประดิษฐ์
เทียบกันแล้ว เฉพาะหน้านี้อินวิเดียกินขาด ครองความเป็นจ้าวในด้านผู้ผลิตชิปเอไอ แต่พอหวงเหรินซวิน(Jensen Huang)ผู้ก่อตั้งและเป็นซีอีโอของอินวิเดียชี้เปรี้ยงออกมาว่า คู่แข่งสำคัญของเขามีเพียงรายเดียวคือหัวเหวย
เท่านั้นแหละ ทั่วโลกก็ต้องร้องเสียง”ฮือ”ออกมาแบบไม่ตั้งใจ
เพราะมันหมายถึงว่า เทคโนโลยีเอไอของโลกได้ตกอยู่ในมือคนจีนแล้วสินะ?
หวงเหรินซวินเกิดที่ไต้หวันเมื่อปีคศ.1963 ไปสร้างอนาคตที่สหรัฐฯตามแนวคิด”อเมริกันดรีม”ได้สำเร็จด้วยการก่อตั้งอินวิเดียขึ้นมาในปีคศ.1993 ทำชิปป้อนตลาด ปัจจุบันธุรกิจของเขาใหญ่โตมีมูลค่ามหาศาลยิ่งกว่าอีลอน มัสก์ เจ้าพ่อวงการรถไฟฟ้าและจรวดสเปซเอ็กซ์
แม้ว่าลูกค้าหลักของเขาจะอยู่ที่สหรัฐฯแต่จีนก็เป็นลูกค้าสำคัญที่เขาพยายามจะรักษาไว้
ทว่าด้วยแนวรบสงครามเทคโนโลยีที่วอชิงตันจุดขึ้นกำลังลุกโชน โอกาสที่จีนจะพัฒนาชิปของตนเองเพื่อทดแทนการนำเข้าจากอินวิเดียก็สูงยิ่ง
เพราะดูจากแนวโน้มระยะหลังนี้ ผลิตภัณฑ์ของอินวิเดียที่เข้าเกณฑ์การควบคุมของทางการสหรัฐฯ ถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง บริษัทไฮเทคจีนต่างหันไปซื้อชิปจากผู้ผลิตในประเทศ ทำให้บริษัทผู้ผลิตชิปในจีนพัฒนาเติบใหญ่ขึ้นมาแบบฮวบฮาบ สั่นคลอนความมั่นใจของอินวิเดียอย่างชัดเจน
ความจริงแล้ว บริษัทผู้ผลิตชิปชั้นนำของจีนมีอยู่หลายราย แต่ที่น่าเกรงขามที่สุดหนีไม่พ้นหัวเหวย ดูได้จากการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของสมาร์ทโฟนHUAWEI Mate60 Pro เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ก็ได้พิสูจน์ชัดแล้วว่า อุตสาหกรรมผลิตชิปจีนได้ค้นพบทางออกที่เป็นของตนเองแล้ว และด้วยศักยภาพโดยรวมของวงการวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของจีนที่กำลังดาหน้าผงาดขึ้นอย่างแรงทั่วทุกด้านเช่นนี้ โอกาสที่จะมีการนำร่องให้แก่การพัฒนาชิปเอไอได้อย่างก้าวกระโดดก็สูงยิ่ง
จึงไม่แปลกที่นายหวงเหรินซวินจะต้องตีฆ้องร้องป่าวให้ประเทศต่างๆทั่วโลกรีบจัดหาซื้อชิปเอไอไว้ใช้งาน จะได้ไม่ตกขบวนเทคโนโลยีที่จะนำโลกไปสู่อนาคตเอไอ
ดูเหมือนเขาจะรู้ดีว่าขืนชักช้า อาจเสียท่าหัวเหวยหรือบริษัทชั้นนำอื่นๆของจีนจะกินตลาดเกิดใหม่ไปเรียบ ด้วยจุดแข็งของสินค้าจีนยุคใหม่ที่มีเอกลักษณ์”ดีกว่าถูกกว่า”เสมอในตลาดผลิตภัณฑ์ไฮเทค ดังเช่นที่กำลังเป็นอยู่ในตลาดรถไฟฟ้าทั่วโลก
ไขคำจีน
英伟达 อิงเหว่ยต๋า อินวิเดีย(Nvidia)