“…..เพียงไม่กี่วันหลังการประชุมสองสภาฯประจำปีที่มีมติผ่านคำรายงานการประชุมของนายกฯหลี่เฉียง จีนทั้งประเทศก็เดินเครื่องมุ่งสู่การสร้างพลังการผลิตคุณภาพใหม่ด้วย “แผนปฏิบัติการAI+” ประเทศจีนได้ยกตัวเองเข้าสู่ความเป็นสังคมปัญญาประดิษฐ์แล้วโดยปริยายด้วยยุทธศาสตร์ “สงครามประชาชน” โดยทั้งหมดนั้นดำเนินไปภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่บัดนี้ได้ชูธง “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” โบกสะบัดนำทางแล้ว ในบรรยากาศใหญ่เช่นนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่เช่นหัวเหวยก็ได้ประกาศยุทธศาสตร์แบกรับภารกิจกองหน้าทะลวงฟัน บุกตะลุยแนวรบเอไอ โดยจะพัฒนาชิปเอไอประสิทธิภาพสูงรองรับ นั่นหมายถึงว่า ประเทศจีนจะเคลื่อนตัวมุ่งสู่เส้นชัยเทคโนโลยีเอไอด้วยศักยภาพภายในของตัวเอง หลุดจากระบบที่ใช้กันอยู่ในสหรัฐฯและโลกตะวันตกโดยสิ้นเชิง จากนี้ โอกาสที่จีนจะแปรเปลี่ยนตัวเองเป็นมหาอำนาจทางเอไอก็สูงยิ่ง ประชันกับสหรัฐที่นำทัพโดยเอ็นวิเดีย เราจึงเห็นภาพการแข่งขันกันระหว่างจีนกับสหรัฐฯชัดขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งว่า ทั้งสองมหาอำนาจนี้แม้ยังไม่ถึงกับทำสงครามกันก็สามารถรู้แพ้รู้ชนะกันแล้วด้วยชิปเอไอที่ทรงพลังในการคำนวณสูง…”
หัวเหวยชักธงรบ 华为升战旗
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เพียงไม่กี่วันหลังการประชุมสองสภาฯ ประจำปี ที่มีมติผ่านคำรายงานการประชุมของ นายกฯ หลี่เฉียง จีนทั้งประเทศก็เดินเครื่องมุ่งสู่การสร้างพลังการผลิตคุณภาพใหม่ด้วย “แผนปฏิบัติการ AI+”
ทั้งหน่วยงานรัฐ และบริษัทธุรกิจอุตสาหกรรม ตลอดจนผู้ประกอบการระดับต่างๆ ทั้งในภาคเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ ต่างได้พลิกตัวเองมาเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือกระทั่งพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ด้วยตัวเอง ขณะที่ในโรงเรียนมัธยมและสถาบันการเรียนการศึกษาแขนงต่างๆ ก็พากันปรับตัวเข้าสู่ยุคปัญญาประดิษฐ์ ส่วนชาวบ้านร้านถิ่นก็พากันติดตามการขับเคลื่อนทางด้านปัญญาประดิษฐ์ชนิดไม่กระพริบตา
อาจไม่ผิดไปจากความจริงนัก ถ้าเราจะบอกว่า ประเทศจีนได้ยกตัวเองเข้าสู่ความเป็นสังคมปัญญาประดิษฐ์แล้วโดยปริยายด้วยยุทธศาสตร์ “สงครามประชาชน” ภายใต้หลักการสำคัญๆที่จะนำไปสู่จุดหมายปลายทาง เช่นการเดินแนวทางมวลชน การรวมศูนย์กำลังทำงานใหญ่ การมุ่งแก้ไขความขัดแย้งหลัก ฯลฯ
โดยทั้งหมดนั้นดำเนินไปภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่บัดนี้ได้ชูธง “พลังการผลิตคุณภาพใหม่” โบกสะบัดนำทางแล้ว
ในบรรยากาศใหญ่เช่นนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่เช่น หัวเหวย ก็ได้ประกาศยุทธศาสตร์แบกรับภารกิจกองหน้าทะลวงฟัน โดยประสานกับหุ้นส่วนธุรกิจ ประกอบด้วยหน่วยงานวิสาหกิจการผลิตและบริการแขนงต่างๆ ทั่วทั้งประเทศประชุมใหญ่ในวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ให้มาร่วมกันเป็นพันธมิตรบุกตะลุยแนวรบเอไอโดยหัวเหวยจะพัฒนาชิปเอไอประสิทธิภาพสูงรองรับ ซึ่งเมื่อนั้นแนวรบเอไอบนผืนแผ่นดินจีนก็จะคราคร่ำไปด้วยกิจการที่ขับเคลื่อนไปด้วยระบบเอไอที่มีชิปหัวเหวยรองรับ
นั่นหมายถึงว่า ประเทศจีนจะเคลื่อนตัวมุ่งสู่เส้นชัยเทคโนโลยีเอไอด้วยศักยภาพภายในของตัวเอง หลุดจากระบบที่ใช้กันอยู่ในสหรัฐฯและโลกตะวันตกโดยสิ้นเชิง
และเมื่อทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี สามารถขับเคลื่อนจีนเข้าสู่ระยะการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ได้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะเป็นแรงดึงดูดให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกหันมาร่วมใช้ชิปหัวเหวยพัฒนาเทคโนโลยีเอไอของตน
นี่คือเหตุผลที่ นายหวงเหรินซวิน ซีอีโอเอ็นวิเดียชี้ว่า คู่แข่งของเขามีเพียงหัวเหวยเพียงหนึ่งเดียว
ตามแผนยุทธศาสตร์หัวเหวย จีนจะตีฝ่าแนวต้านของสหรัฐได้ทั้งหมด สามารถสถาปนาระบบเอไอของตนเองได้สำเร็จ โดยหัวเหวยวางเป้าขยายกิจการในช่วง 5 ปีต่อไปนี้ ถึงปีละ 30 เปอร์เซนต์
จากนี้ โอกาสที่จีนจะแปรเปลี่ยนตัวเองเป็นมหาอำนาจทางเอไอก็สูงยิ่ง ประชันกับสหรัฐที่นำทัพโดยเอ็นวิเดีย
เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเหวยชี้ชัดว่า อำนาจการคำนวณของชิปเอไอคือหัวใจของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
เราจึงเห็นภาพการแข่งขันกันระหว่างจีนกับสหรัฐฯชัดขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งว่า ทั้งสองมหาอำนาจนี้แม้ยังไม่ถึงกับทำสงครามกันก็สามารถรู้แพ้รู้ชนะกันแล้วด้วยชิปเอไอที่ทรงพลังในการคำนวณสูง ที่สามารถรองรับระบบปฏิบัติการล้ำยุคได้อย่างครบสมบูรณ์ ซึ่งทั้งหมดนั้น หัวเหวยวางแนวขับเคลื่อนไว้อย่างชัดเจน ภายใต้การโบกธงไชยของพรรคคอมมิวนิสต์จีน