“…ความเจริญรุ่งเรืองรอบใหม่ของโลกที่มีจีนเป็นหัวเรือใหญ่ นับวันจะปรากฏชัดเจนจนไม่มีใครจะปฏิเสธได้ และประเทศที่สามารถปรับแนวคิดและแนวทางการพัฒนาประสานกับการพัฒนาของจีนได้เร็วและรอบด้านยิ่งกว่าก็จะมีโอกาสยกระดับความเจริญก้าวหน้าได้เร็วกว่าเสมอ เนื่องจากจีนได้ตระหนักชัดถึงความล้าหลังในรอบสองร้อยปีที่ผ่านมา ทำให้จีนกัดฟันฮึดสู้ ทุ่มสรรพกำลังเข้าสู่กระบวนการพัฒนา จนกลายเป็นสังคมอุตสาหกรรมสมบูรณ์แบบ เกิดความพร้อมที่จะนำพาประเทศอื่นทั้งโลก ขับเคลื่อนไปสู่อนาคตอันสดใสร่วมกัน ขณะที่ประเทศต่างๆ ก็มองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะลงเรือลำเดียวกับจีน พัฒนาก้าวหน้าไปพร้อมกับจีน ในอัตราความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นคือ “ไล่กวด แซงโค้ง แล้วนำโด่ง” ไปเลย ..”
ไล่กวด แซงโค้ง นำโด่ง
追赶 反超 遥遥领先
สังคมโลกทุกวันนี้ ไม่มีอะไรลึกลับ ทุกประเทศตระหนักดีถึงความสำคัญของการพัฒนาตัวเองไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ที่หากตัวเองไม่ทำคนอื่นเขาก็ทำ ซึ่งถึงเวลานั้น ตัวเองจะอยู่เฉย ไม่รู้ไม่ชี้ไม่ได้ เพราะแต่ละวันที่เปลี่ยนไป มันฟ้องอยู่ในตัว ทำให้เห็นถึงความตกต่ำสั่งสมชัดเจนขึ้นทุกที
มีหลายประเทศที่อดีตเคยอยู่ในระดับแนวหน้า แต่ปัจจุบันตกอันดับไปอยู่ข้างหลัง เช่น ฟิลิปปินส์
จำได้ว่าเมื่อหลายทศวรรษก่อน ประเทศนี้เคยเป็นประเทศแนวหน้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยจำนวนไม่น้อยจบจากฟิลิปปินส์ แต่ด้วยความเหลวแหลกทางการเมืองยุค เฟอร์ดินานด์ มากอส ที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จร่วมสามทศวรรษ ตีคู่กับ นายพลซูฮาร์ โต ของอินโดนีเซีย ทำให้สองชาตินี้พัฒนารั้งท้ายสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทยไปหลายขุม
มาบัดนี้ ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงค์โปร์ ตลอดจนเวียดนาม ลาว กัมพูชา ได้ตื่นตัวเป็นอย่างมากในการพัฒนาประเทศ โดยได้เชื่อมตนเองเข้ากับกระแสการขับเคลื่อนของจีนอย่างรอบด้าน ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันในหลายๆ ด้าน
ตรงกันข้าม ฟิลิปปินส์ในยุคของ มากอสผู้ลูก ได้เลือกที่จะตั้งตัวเป็นอริกับจีน ตัดโอกาสการพัฒนาของตนเองไปแบบหน้าตาเฉย สะท้อนถึงความตื้นเขินทางปัญญา มองไม่เห็นเส้นทางการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก
เมื่อเวลาผ่านไปอีกสองสามปี เราก็จะพบเห็นอาการแสดงออกของทางการฟิลิปปินส์อีกแบบหนึ่งอย่างแน่นอน ซึ่งจะแสดงผลของการเดินแนวทางผิดพลาดของกลุ่มมากอสผู้ลูก ที่ตรึงชาวฟิลิปปินส์ให้จมปลักอยู่กับความล้าหลังยากจนยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และเวียดนาม
ความเจริญรุ่งเรืองรอบใหม่ของโลกที่มีจีนเป็นหัวเรือใหญ่ นับวันจะปรากฏชัดเจนจนไม่มีใครจะปฏิเสธได้ และประเทศที่สามารถปรับแนวคิดและแนวทางการพัฒนาประสานกับการพัฒนาของจีนได้เร็วและรอบด้านยิ่งกว่าก็จะมีโอกาสยกระดับความเจริญก้าวหน้าได้เร็วกว่าเสมอ ดังที่กำลังปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆในระดับทั้งโลก
ว่ากันถึงที่สุดแล้ว กระแสความตื่นตัวที่จะพัฒนาตนเองไปสู่อนาคตที่ดีกว่าระลอกใหม่ทั้งโลกนี้ เริ่มต้นที่ประเทศจีน เพราะจีนได้ตระหนักชัดถึงความล้าหลังในรอบสองร้อยปีที่ผ่านมา ทำให้จีนกัดฟันฮึดสู้ ทุ่มสรรพกำลังเข้าสู่กระบวนการพัฒนา จนกลายเป็นสังคมอุตสาหกรรมสมบูรณ์แบบ เกิดความพร้อมที่จะนำพาประเทศอื่นทั้งโลก ขับเคลื่อนไปสู่อนาคตอันสดใสร่วมกัน ขณะที่ประเทศต่างๆก็มองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ที่จะลงเรือลำเดียวกับจีน พัฒนาก้าวหน้าไปพร้อมกับจีน ในอัตราความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน
นั่นคือ “ไล่กวด แซงโค้ง แล้วนำโด่ง” ไปเลย