วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024

Related Posts

ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น 绝尘而去

“….ในฐานะที่เป็นแกนนำอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของโลก อะไรใหม่ๆที่เกิดขึ้นในประเทศจีนก็มีแนวโน้มที่จะระบาดต่อเนื่องไปทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็คือ ในครึ่งเดือนแรกของเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้านั่ง พุ่งขึ้นเป็นสองแสนหกหมื่นคัน หรือราว50.39% ของยอดขายรถยนต์นั่งทั้งหมดในห้วงเวลาเดียวกัน โลกยอมรับให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนเป็นผู้นำไปสู่อนาคต ในยุคที่ทั่วโลกกำลังช่วยกันแก้ไขปัญหาโลกร้อน  สาเหตุสำคัญที่สุดมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านระบบพลังงานแบ็ตเตอรี ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะและระบบอุปกรณ์สนองความต้องการของผู้บริโภคที่บริษัทคู่แข่งแต่ละค่ายของจีนเรียงหน้านำเสนอไม่เว้นแต่ละวันมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นทุกที ขณะที่ราคากลับถูกลงเรื่อยๆ ซึ่งผู้สันทัดกรณีต่างฟันธงกันว่า โอกาสที่รถยนต์ไฟฟ้าจีนจะครองตลาดอย่างถาวรมีสูงและสูงยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ…”

(ตอน) ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น 绝尘而去

เป็นไปแล้ว และเป็นเร็วมาก ผู้ใช้รถชาวจีนซึ่งปัจจุบันเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของโลกหันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในจำนวนที่มากกว่ารถยนต์ทั่วไปแล้ว ขณะที่ตลาดสำคัญของโลกเช่น อียู สหรัฐฯ พากันปิดประตูลั่นดานมิให้รถจีนเข้าตลาด และบริษัทผลิตรถยนต์ค่ายยักษ์ใหญ่เดิมๆ พากันพับแผนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ากันเป็นแถว โอ้เจ้าแม่เอ๋ย โลกทำไมพลิกผันเร็วเช่นนี้ อะไรที่คิดว่าจะเกิดในอีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้า เหตุไฉนจึงได้เกิดกันในวันนี้?

ท่านผู้อ่านคงจะฉงนฉงายใจไม่แพ้ผู้เขียนเป็นแน่ หากได้พบตัวเลขสถิติล่าสุดของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน  ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิตรถยนต์ทั้งประเภทเครื่องยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในโลก ส่งออกมากที่สุดในโลก และใช้มากที่สุดในโลก

ในฐานะที่เป็นแกนนำอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของโลก อะไรใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนก็มีแนวโน้มที่จะระบาดต่อเนื่องไปทั่วโลกอย่างไม่ต้องสงสัย

สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็คือ ในครึ่งเดือนแรกของเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้านั่งพุ่งขึ้นเป็นสองแสนหกหมื่นคัน หรือราว 50.39% ของยอดขายรถยนต์นั่งทั้งหมดในห้วงเวลาเดียวกัน

มันเป็นตัวเลขบ่งบอกว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจีนได้ก้าวขึ้นมาสู่ระดับที่ผู้บริโภคหลักของจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของโลกยอมรับ ยกให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนเป็นผู้นำไปสู่อนาคตในยุคที่ทั่วโลกกำลังช่วยกันแก้ไขปัญหาโลกร้อน เทใจให้กับรถยนต์ไฟฟ้าที่ปลอดจากการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ สอดคล้องกับนโยบายทั่วโลกที่จะหันมาพัฒนาเครื่องยนต์ไฟฟ้าแทนที่น้ำมันและก๊าซ

กระนั้นก็ตามการขยายตลาดในต่างประเทศของรถจีนจะยังคงประสบปัญหาอุปสรรคมากมายจากมาตรการกีดกันของสหรัฐฯ และอียู รวมทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ยี่ห้อดังเช่น เอ็มจี ฟอร์ดและเบ็นซ์ เป็นต้น ต่างพากันพับแผนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า กะล็อกตลาดภายในประเทศให้ใช้รถยนต์น้ำมันหรือก๊าซต่อไป เพราะยังทำกำไรได้อีกนาน โดยที่พวกเขาเลิกพูดถึงการแก้ปัญหาโลกร้อนและลดคาร์บอนเสียดื้อๆ

ตรงข้ามกับบริษัทญี่ปุ่นทั้ง โตโยต้า ฮอนด้า มาสด้า ก็มีข่าวแล้วว่าจะรับเทคโนโลยีจีนมาประยุกต์เข้ากับการผลิตของตนเอง ส่งขายได้ทั้งในตลาดจีนและทั่วโลก

หันมาดูว่า เส้นทางการเจริญเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าจีน ทำไมจึงได้พุ่งปรี๊ดเป็นจรวดเช่นนี้ โดยรัฐบาลจีนได้เริ่มสนับสนุนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี ค.ศ.2005 แต่เริ่มเห็นผลจริงตั้งแต่ปี 2021 เมื่อรถยนต์ไฟฟ้ามีมาร์เก็ตแชร์ 14% แล้วกระโดดขึ้นมาเป็น 27% และ 33% ในปี 2022 และ 2023 ตามลำดับ กระทั่งพรวดพราดขึ้นมาเป็น 50.39% ในกลางเดือนแรกที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งผู้สันทัดกรณีต่างฟันธงกันว่า โอกาสที่รถยนต์ไฟฟ้าจีนจะครองตลาดอย่างถาวรมีสูงและสูงยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ

สาเหตุสำคัญที่สุดมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านระบบพลังงานแบ็ตเตอรี ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะและระบบอุปกรณ์สนองความต้องการของผู้บริโภคที่บริษัทคู่แข่งแต่ละค่ายของจีนเรียงหน้านำเสนอไม่เว้นแต่ละวันมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นทุกที ขณะที่ราคากลับถูกลงเรื่อยๆ

ทำให้คุ้มกว่ามากเมื่อเทียบกับการใช้รถยนต์แบบเดิมๆ

ไขคำจีน


绝尘 เจวี๋ยเฉิน  ไม่เห็นฝุ่น

#สืบจากข่าว รายงาน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts