ผู้นำ 3 ชาติยุโรป ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ และสเปน ออกมาประกาศเตรียมรับรอง “รัฐปาเลสไตน์” โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.นี้เป็นต้นไป หนุนแนวทางของจีนที่รับรองการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งและคืนสิทธิชาวปาเลสไตน์ตามธรรมชาติตั้งแต่เกิด อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อวันพุธ (22 พ.ค.) วังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่า จีนสนับสนุนเหตุผลอันชอบธรรมของประชาชนชาวปาเลสไตน์ ในการฟื้นคืนสิทธิติดตัวทุกคนตามธรรมชาติตั้งแต่เกิด (national rights) อันถูกต้องตามกฎหมายอย่างหนักแน่นเสมอมา และจะเดินหน้าทำงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศเพื่อมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการส่งเสริมการแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์อย่างรอบด้าน ชอบธรรม และยั่งยืน
วังกล่าวคำข้างต้น ระหว่างแสดงความคิดเห็นต่อกรณีสเปนและไอร์แลนด์ เปิดเผยแผนการรับรองรัฐปาเลสไตน์ในการแถลงข่าวประจำวัน โดยวังกล่าวว่าจีนสนับสนุนแนวทางแก้ไขปัญหาแบบสองรัฐ หรือ two-State solution และเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศแรกที่รับรองรัฐปาเลสไตน์ เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งปาเลสไตน์-อิสราเอลอย่างเป็นรูปธรรม
วังกล่าวว่าจีนเชื่อมั่นว่าความสำคัญเร่งด่วนของเวลานี้คือ การดำเนินการตามข้อมติที่ 2728 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งกำหนดการหยุดยิงโดยทันที ยุติวิกฤตมนุษยธรรมอันมิเคยเกิดขึ้นมาก่อนในกาซา และกลับสู่ทิศทางที่ถูกต้องในการแสวงหาข้อตกลงทางการเมืองของปัญหาปาเลสไตน์บนพื้นฐานแนวทางแก้ไขปัญหาแบบสองรัฐ โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ขณะที่ผู้นำ 3 ชาติยุโรป ได้แก่ ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ และสเปน ได้ออกมาประกาศเตรียมรับรอง “รัฐปาเลสไตน์” โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.นี้เป็นต้นไป
ไซมอน แฮร์ริส นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์, โยนัส กาหร์ สโตระ นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ และเปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน ออกมาประกาศจุดยืนดังกล่าวในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยระบุว่า สนับสนุนแนวทาง 2 รัฐ เพื่อการบ่มเพาะสันติภาพให้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง
ก่อนหน้านี้ มีชาติยุโรปจำนวนหนึ่งที่รับรองรัฐปาเลสไตน์อยู่แล้วตั้งแต่ปี 1988 ได้แก่ ฮังการี, โปแลนด์, โรมาเนีย, สาธารณรัฐเช็ก, สโลวาเกีย, บัลแกเรีย, สวีเดน, ไซปรัส และมอลตา
ปัจจุบันมี 140 ประเทศรับรองรัฐปาเลสไตน์ หรือกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกสหประชาชาติ แต่ยังไม่มีมหาอำนาจตะวันตกชาติใดรับรอง และยังไม่มีความชัดเจนว่าจุดยืนที่แตกต่างจากทั้ง 3 ชาติล่าสุด จะส่งผลต่อท่าทีของชาติตะวันตกในเรื่องนี้อย่างไร
ด้านอิสราเอลตอบโต้ทันควัน โดยกระทรวงการต่างประเทศประกาศเรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำกรุงดับลิน ออสโล และมาดริด กลับประเทศเพื่อหารือ และเตือนว่าทั้ง 3 ชาติจะเผชิญผลกระทบตามมา โดยอิสราเอลจะไม่ยอมอ่อนให้แก่ผู้ที่บ่อนทำลายอธิปไตยและทำให้เสถียรภาพของอิสราเอลตกอยู่ในอันตราย