เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2024 ที่ผ่านมา ไล่ ชิงเต๋อ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน ท่ามกลางความไม่พอใจของจีน เนื่องจากจีนสงสัยว่าไล่มีเจตนาสนับสนุนการแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีน โดยจีนมองว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน และไม่เคยปฏิเสธที่จะใช้กำลังเพื่อนำไต้หวันกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของจีน
หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงความคิดเห็นของจีนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบและสถานการณ์ในไต้หวัน หลังการเลือกตั้งผู้นำภูมิภาคไต้หวัน ว่า การเลือกตั้งในภูมิภาคไต้หวันเป็นกิจการในท้องถิ่นของจีน ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นเช่นไร ก็จะไม่เปลี่ยนข้อเท็จจริงพื้นฐานที่ว่า “มีเพียงจีนเดียวในโลกและไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน” อีกทั้งไม่อาจเปลี่ยนแปลงมติทั่วไปของประชาคมระหว่างประเทศที่ยึดมั่นในหลักการจีนเดียว
หวัง ตอบคำถามดังกล่าวระหว่างเยือนอียิปต์ พร้อมทบทวนความหลังว่า เมื่อ 80 ปีที่แล้ว ณ กรุงไคโรแห่งนี้ จีน สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ ได้ออก “ปฏิญญาไคโร” ซึ่งกำหนดไว้ชัดเจนว่า “ให้ไต้หวันซึ่งเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองกลับคืนสู่ประเทศจีน” หลังจากนั้น มาตรา 8 ของ “ปฏิญญาพ็อทซ์ดัม” ซึ่งจีน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และสหภาพโซเวียต ออกร่วมกันในปี พ.ศ. 2488 กำหนดไว้ว่า “จะต้องปฏิบัติตามปฏิญญาไคโร” และญี่ปุ่นเองก็ยอมรับในปฏิญญาพ็อทซ์ดัมและประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข ชุดเอกสารเหล่านี้มีผลทางกฎหมายระหว่างประเทศ กลายเป็นส่วนหนึ่งของระเบียบระหว่างประเทศหลังสงคราม สร้างรากฐานทางประวัติศาสตร์และนิติศาสตร์ที่ไต้หวันจะต้องเป็นดินแดนของจีนอย่างไม่อาจแบ่งแยกได้
หวังยังกล่าวอีกว่า ไต้หวันไม่เคยเป็นประเทศมาก่อน ไม่เคยในอดีตและจะไม่มีวันเป็นในอนาคต! “เอกราชของไต้หวัน” ไม่เคยเป็นไปได้ อดีตเป็นไปไม่ได้และจะไม่มีทางเป็นไปได้ในอนาคต! ใครก็ตามที่พยายามให้มี “เอกราชของไต้หวัน” เท่ากับการแบ่งแยกดินแดนจีน ซึ่งจะถูกลงโทษอย่างแสนสาหัสจากประวัติศาสตร์และกฎหมาย ใครก็ตามที่ละเมิดหลักการจีนเดียวในประชาคมระหว่างประเทศ เท่ากับกำลังแทรกแซงกิจการภายในและละเมิดอธิปไตยของจีน จะถูกต่อต้านจากชาวจีนทั่วประเทศและแม้กระทั้งจากประชาคมระหว่างประเทศอย่างแน่นอน
หวัง ใช้คำว่า “เอกราชของไต้หวัน” คุกคามความเป็นอยู่ที่ดีของเพื่อนร่วมชาติชาวไต้หวันอย่างร้ายแรง ทำลายผลประโยชน์พื้นฐานของชนชาติจีนอย่างร้ายแรง และจะบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวันอย่างร้ายแรงด้วย นั่นคือทางตัน จีนจะต้องบรรลุการรวมชาติอย่างสมบูรณ์ในที่สุด ไต้หวันจะต้องกลับสู่อ้อมกอดของมาตุภูมิ และเชื่อว่าประชาคมระหว่างประเทศจะสนับสนุนกิจกรรมอันชอบธรรมของชาวจีนอย่างต่อเนื่อง ต่อต้านการแบ่งแยกดินแดนของไต้หวัน เพื่อก้าวสู่การรวมชาติจีนตามหลักการจีนเดียวในที่สุด
ขณะที่ผู้นำสูงสุดอย่าง “สี จิ้นผิง” เคยกล่าวสุนทรพจน์ครบรอบ 74 ปีวันชาติ 1 ตุลาคม 2023 ว่า จีนยืนหยัดยึดมั่นในหลักการจีนเดียว โดยไม่อาจมีใครขัดขวางการรวมชาติของไต้หวันกับแผ่นดินใหญ่ได้ ด้วยการส่งเสริมการพัฒนาอย่างสันติข้ามช่องแคบไต้หวัน
“ความแข็งแกร่งของเรามาจากเอกภาพและความเชื่อมั่นมีค่ามากกว่าทอง” สี กล่าว
สีย้ำหลักการ “จีนเดียว” จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเต็มที่และมั่นคงด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยม พร้อมกับให้ความมั่นใจเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองและเสถียรภาพในระยะยาวของไต้หวัน
แม้วันนี้เมื่อเปรียบเทียบแสนยานุภาพทุกองคาพยพ ไต้หวันไม่มีทางต้านทานจีนได้เลย หากจะใช้ยุทธวิธีห้ำหั่นด้วยกำลัง เข้าตำรา “บีบก็ตาย คลายก็รอด” แต่ผู้นำอย่าง “สี จิ้นผิง” ยังคงยึดมั่นในปฏิญญาตามกฎหมาย ด้วยกระบวนการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล นั่นคือการพัฒนาสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างสันติ
จีนยังเชื่อมั่นว่า “สันติภาพ” คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่การใช้แสนยานุภาพทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ด้วยหวังเพียงแค่การมีอำนาจเหนือคนอื่น อย่างไรก็ตาม ใครที่ละเมิดหลักการจีนเดียวในประชาคมระหว่างประเทศ เท่ากับกำลังแทรกแซงกิจการภายในและละเมิดอธิปไตยของจีน ซึ่งจีนจะไม่มีวันให้ใครหน้าไหนมาแบ่งแยกดินแดนไต้หวันออกจากจีนเด็ดขาด และจีนไม่เคยปฏิเสธที่จะใช้ “กำลัง” เพื่อนำไต้หวันกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของจีน หากถึงที่สุดแล้ว ไม่มีทางเลือกจริงๆ