“…ในสายตาผู้เขียน สหรัฐฯโดยกลุ่มนาโต้ พวกเขาใช้เล่ห์บีบจนรัสเซียต้องใช้กำลังกับยูเครน แล้วตรึงรัสเซียไว้ในปลักแห่งสงคราม บั่นทอนศักยภาพรัสเซีย แล้วคิดจะใช้กลเม็ดแบบเดียวกันนี้กับจีน โดยยุแหย่ให้จีนรบไต้หวัน หรือไม่ก็ฟิลิปปินส์ จีนไม่ประมาท สร้างเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการทหารให้แก่ตนเอง และพร้อมเสมอที่จะเผชิญหน้ากับการท้าทายทุกรูปแบบ ในวิถีทางที่”ไม่มีวันแพ้” ดังที่ทหารจีนท่องจำอยู่ในใจเสมอว่า “กล้าตี มีชัยแน่”หรือ”ก๋านต่า ปี้เซิ่ง” รบเมื่อไหร่ ชนะเมื่อนั้น ! ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทุกวันนี้ ในห้วงที่จีนแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างรอบด้าน คงไม่มีใครอยากรบกับจีน ทำได้อย่างมากก็เพียงยั่วยุ หลอกล่อ ส่วนจีนนั้น ไม่จำเป็นต้องทำสงคราม พวกเขาก็สามารถเดินหน้าพาชาวโลกก้าวไปสู่อนาคตได้อย่างเป็นจริง สมความคาดหวังของมวลมนุษยชาติที่มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์…”
จีนแกร่ง สงครามไม่เกิด 中国强 无战争
โลกวันนี้ในสายตาเรา ไม่ต่างจากเวทีละครที่ไม่มีม่านบัง ขอเพียงเราไม่ปิดหูปิดตาตัวเอง ไม่สวมแว่นสีบังตา หรือไม่ยอมให้ใครเอาแผ่นยันต์ติดหน้าผากแล้วละก็ เราก็จะเห็นและเข้าใจทุกอย่างที่กำลังเป็นไปบนเวทีละครนั้นอย่างชัดเจน ยากที่ใครจะมาโน้มน้าวชักจูงได้
ความเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเองทางการรับรู้ ก็จะนำไปสู่ความแม่นยำและเฉียบคมทางปัญญา สามารถวินิจฉัยเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆได้อย่างแม่นยำ สามารถกำหนดแนวทางการปฏิบัติและเป้าหมายใกล้ไกลได้อย่างพลิกแพลงยืดหยุ่น หวังผลสำเร็จได้สูงสุดเสมอ
เท่าที่ผู้เขียนได้ติดตามศึกษาเรียนรู้วิธีคิดวิธีทำงานของชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาเกือบตลอดชีวิต และตัวเองก็ได้ทดลองนำเอาหลักวิธีเหล่านั้นมาประสานเข้ากับการศึกษาและการทำงาน ตลอดจนการดำเนินชีวิตประจำวัน ก็พบว่าหลักวิธีที่ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริงที่ว่า “ปลดปล่อยความคิด หาสัจจะจากความเป็นจริง” หรือ “เจี่ยฟ่างซือเสี่ยง สือซื่อฉิวซื่อ“(解放思想 实事求是)นั้น ถูกต้องที่สุด
“สัจจะ”ก็คือกฎเกณฑ์ของการขับเคลื่อนของความเป็นจริงผ่าน “ปรากฏการณ์” ที่เราสัมผัสได้รูปธรรม ซึ่งกฎเกณฑ์เป็นสิ่งแน่นอนภายใน ขณะที่ปรากฏการณ์นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามเหตุปัจจัยภายนอก
การเข้าถึงกฎเกณฑ์ภายใน จะทำให้เรามองเห็นทิศทางการขับเคลื่อนของสิ่ง สามารถกำหนดแนวปฏิบัติระยะยาวได้อย่างถูกต้อง ขณะที่การรับรู้ในสิ่งที่เป็นปรากฏการณ์จะทำให้เราไม่หลุดลอยไปจากความเป็นจริง ปรับปรุงวิธีการปฏิบัติให้พลิกแพลงยืดหยุ่นเสมอ
เพราะฉะนั้น การจะเข้าถึงกฎเกณฑ์ได้ก็ต้องอาศัยการรับรู้จากปรากฏการณ์ โดยเฉพาะคือการรับรู้จากการปฏิบัติทั้งทางตรงและทางอ้อม
ด้วยเหตุนี้ การอ้างความรับรู้ที่สะท้อนกฎเกณฑ์ จึงมีน้ำหนักมากกว่าการอ้างความรับรู้จากตำราหรือความเชื่อศรัทธาใดๆ
ชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีนยืนหยัดในหลักการ “ปฏิบัติ-รับรู้-ปฏิบัติ” มุ่ง “หาสัจจะจากความเป็นจริง” พวกเขาจึงสามารถเข้าถึงกฎเกณฑ์ของสิ่งที่พัฒนาไปในทิศทางที่มันจะต้องดำเนินไป และดำเนินนโยบายพัฒนาประเทศได้อย่างถูกต้อง สอดคล้องกับการขับเคลื่อนของประวัติศาสตร์
แล้วเหตุไฉนจึงจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่าล่ะ?
ทุกวันนี้จีนตระหนักชัดแล้วถึงภารกิจหลักในการพัฒนาประเทศ คือทำทุกอย่างตามขั้นตอนการพัฒนาของพลังการผลิตยุคใหม่ของมวลมนุษยชาติ ที่มีเทคโนโลยีระดับใหม่คุณภาพใหม่ทะลวงนำ
แล้วเหตุไฉนจึงจะไม่ให้พวกเขาทุ่มเทสรรพกำลังไปในการพัฒนาระบบ 5G-6G-AI-หุ่นยนต์-รถยนตไฟฟ้าอัจริยะไร้คนขับฯลฯ ตลอดจนกระจายผลแห่งความสำเร็จใหม่ๆเหล่านั้นเข้าสู่สังคมจีนและสังคมโลก?
ทุกวันนี้กลุ่มประเทศตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ กำลังพยายามทุกวิถีทางสกัดการพัฒนาก้าวหน้าของจีน โดยโยนทิ้งป้ายโฆษณาการค้าเสรีทิ้ง แล้วตั้งด่านกำแพงภาษีขึ้นมาสกัดผลิตภัณฑ์ล้ำยุคของจีน โดยยินดีย่ำเท้าอยู่ในความทรงจำที่อหังการในอดีต หรือไม่ก็หาทางก่อกวนด้วยกำลังทหารดังที่กลุ่มนาโต้กำลังกระทำอยู่
การรุกของนาโต้เคยสร้างรอยแผลให้จีนมาแล้วครั่งหนึ่ง ในปี 1999 พวกเขาส่งฝูงบินถล่มสถานทูตจีนประจำกรุงเบลเกรด อดีตยูโกสลาเวีย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่จีนเสียชีวิตไปหลายคน
มาบัดนี้ พวกเขาประชุมสุมหัวกันที่สหรัฐฯแล้วออกแถลงการณ์กล่าวหาจีนเป็นต้นเหตุหลักของสงครามยูเครน และเป็นผู้ท้าทายต่อระบบค่านิยมตะวันตกเกินกว่าที่พวกเขาจะรับได้ พร้อมกันนั้นก็เร่งขยายประเทศสมาชิกมาทางเอเชีย ดึงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ฮอสเตรเลียและนิวซีแลนด์เข้าเป็นพวก เตรียมเคลื่อนไหวทางการทหารบีบจีนให้ยอมจำนน ไม่เช่นนั้นก็จะตกที่นั่งลำบากเหมือนเช่นที่รัสเซียกำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้
ในสายตาผู้เขียน สหรัฐฯ โดยกลุ่มนาโต้ ดูไม่ต่างจากหมาล่าเนื้อแก่หงำเหงือกเจ้าเล่ห์ พวกเขาใช้เล่ห์บีบจนรัสเซียต้องใช้กำลังกับยูเครน แล้วตรึงรัสเซียไว้ในปลักแห่งสงคราม บั่นทอนศักยภาพรัสเซีย แล้วคิดจะใช้กลเม็ดแบบเดียวกันนี้กับจีน โดยยุแหย่ให้จีนรบไต้หวัน หรือไม่ก็ฟิลิปปินส์
ในบรรยากาศเช่นนี้ คนไทยจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะสื่อทั่วไปที่อาศัยข่าวตะวันตก ก็จะพากันตื่นตระหนกว่า สงสัยจีนจะทนไม่ไหว เปิดฉากใช้กำลังทหารแก้ไขสถานการณ์
แต่กฎเกณฑ์การพัฒนาของสังคมโลกทุกวันนี้ก็บอกชัดเจนแล้วว่าผู้ที่จะเข้าป้ายชัยชนะก็คือผู้ที่พัฒนาตนเองได้ดีที่สุด ซึ่งขณะนี้จีนอยู่ในฐานะนำอย่างชัดเจน
แล้วเหตุไฉนพวกเขาจึงจะต้องพลาดท่าตกหลุมพลางที่ตะวันตกขุดล่อ?
กระนั้น จีนก็ไม่ประมาท แม้จะมุ่งหน้าพัฒนาประเทศเพียงใดก็ไม่ลืมที่จะสร้างเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการทหารให้แก่ตนเอง และพร้อมเสมอที่จะเผชิญหน้ากับการท้าทายทุกรูปแบบ ในวิถีทางที่ “ไม่มีวันแพ้”
ดังที่ทหารจีนท่องจำอยู่ในใจเสมอว่า “กล้าตี มีชัยแน่” หรือ “ก๋านต่า ปี้เซิ่ง” 敢打 必胜!
รบเมื่อไหร่ ชนะเมื่อนั้น !
ไม่ต้องสงสัยเลบว่า ทุกวันนี้ ในห้วงที่จีนแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างรอบด้าน คงไม่มีใครอยากรบกับจีน ทำได้อย่างมากก็เพียงยั่วยุ หลอกล่อ จนตัวเองกลายเป็นตัวตลกทางประวัติศาสตร์ไปแล้ว
ส่วนจีนนั้น ไม่จำเป็นต้องทำสงคราม พวกเขาก็สามารถเดินหน้าพาชาวโลกก้าวไปสู่อนาคตได้อย่างเป็นจริง สมความคาดหวังของมวลมนุษยชาติที่มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์
ไขคำจีน
战争 จ้านเจิง สงคราม