“…การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางชุดที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนระหว่างวันที่ 15-18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ลงมติรับรองมติของคณะกรรมการกลางพรรคที่มี “สี จิ้นผิง” เป็นประธาน ที่ได้นำเสนอต่อที่ประชุมเรื่อง “มติให้ดำเนินการปฏิรูปอย่างรอบด้านและอย่างลึกซึ้งอีกขั้นหนึ่ง ขับเคลื่อนกระบวนการสร้างความทันสมัยแบบจีนให้สำเร็จ” การประชุมลักษณะนี้ที่ส่งผลยาวไกล นี้คือกงล้อประวัติศาตร์ ที่ได้เคลื่อนมาถึงยุคจีนรุ่งเรือง และกำลังแสดงบทบาทส่งต่ออานุภาพยิ่งใหญ่ต่อไปอีก ก็คือ การประชุมครั้งที่ 3 ของชุดที่ 18 ที่มี “สี จิ้นผิง” เป็นผู้นํา โดยนำเสนอนโยบายปรับการปฏิรูปอย่างลึกซึ้งรอบด้านครั้งแรก ทำให้จีนผงาดขึ้นมาเป็นจ่าฝูงได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งทศวรรษ ด้วยเหตุนี้การประชุมครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางชุดที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงไม่เพียงแต่จะชี้เป้าไปสู่อนาคตของจีนเท่านั้น หากแต่ยังจะโน้มนำให้ทั้งโลกคาดหวังไปในทางเดียวกัน นั่นคือจี นที่เข้มแข็ง มั่งคั่ง รุ่งเรือง กลายเป็นว่าทั้งโลกจะเต้นตามจังหวะการพัฒนาก้าวหน้าของจีนไปโดยปริยาย…”
จังหวะจีน 中国节奏
การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางชุดที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระหว่างวันที่ 15-18 กรกฎาคมที่ผ่านมา นับเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองสำคัญอีกครั้งหนึ่งของจีน ภายใต้การติดตามอย่างใกล้ชิดของสื่อทั่วโลก ตลอดจนบุคคลสำคัญ ทั้งทางเศรษฐกิจการเมืองและแวดวงวิชาการอย่างกว้างขวางชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทั้งนี้ ในวันที่ 18 กรกฎาคม ที่ประชุมได้ลงมติรับรองมติของศูนย์กลางพรรค หรือคณะกรมการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคที่มี “สี จิ้นผิง” เป็นประธานที่ได้นำเสนอต่อที่ประชุมโดย “สี จิ้นผิง” เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม เรื่อง “มติให้ดำเนินการปฏิรูปอย่างรอบด้านและอย่างลึกซึ้งอีกขั้นหนึ่ง ขับเคลื่อนกระบวนการสร้างความทันสมัยแบบจีนให้สำเร็จ”《中共中央关于进一步全面深化改革,推进中国式现代化的决定》
อีกนัยหนึ่ง ศูนย์กลางพรรคได้ส่งมติของตัวเองต่อคณะกรรมการกลางพรรค เพื่่อพิจารณาและลงมติอีกทีแล้วจึงประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
เนื้อหาสาระของมติดังกล่าวครอบคลุมไปทั่วทุกด้านของการพัฒนาประเทศ โดยเน้นไปยังการ “ปฏิรูป” ระบบกลไกต่างๆ ให้ลึกซึ้งและกว้างขวางไปอีกขั้นหนึ่ง
โดยตั้งเป้าไว้อย่างชัดเจน 3 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ปี คศ.2029 จะต้องทำให้แผนปฏิรูปตามมติครั้งนี้บรรลุผลครบวงจร เพื่อเป็นบันไดก้าวไปสู่ความเป็นประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยรอบด้านเป็นเบื้องต้นในปี คศ.2035 และบรรลุสู่ความเป็นประเทศสังคมนิยมทันสมัยรอบด้านที่เข้มแข็งอย่างแท้จริงในกลางศตวรรษนี้
มติดังกล่าวเจาะจงเน้นย้ำไปยังการปฏิรูปสำคัญๆ ดังนี้
1.สร้างระบบกลไกเศรษฐกิจตลาดสังคมนิยมระดับสูง
2.พัฒนาระบอบประชาธิปไตยประชาชนตลอดกระบวนการ(全过程人民民主)
3.สร้างวัฒนธรรมสังคมนิยมที่แข็งแกร่ง
4.ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
5.สร้างประเทศจีนที่สวยงาม
6.สร้างประเทศจีนที่สงบร่มเย็นยิ่งขึ้น
7.ยกระดับความสามารถในการบริหารประเทศของพรรคให้สูงขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของ สี จิ้นผิง ชุดนี้จะต้องผลักดันการทำงานของชาวคอมมิวนิสต์ทั้งประเทศให้สามารถทำงานจนบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้จากกระแสเสียงที่สะท้อนกลับทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ล้วนแต่แสดงความเชื่อมั่นไปในทางเดียวกัน ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับในอดีต
นี้คือกงล้อประวัติศาตร์ ที่ได้เคลื่อนมาถึงยุคจีนรุ่งเรือง
แต่ทำไมจะต้องเป็นการประชุมครั้งที่ 3 ล่ะ?
ประเทศจีนภายใต้การบริหารของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะขับเคลื่อนไปทางไหน อย่างไร มักจะปรากฏออกมาในเอกสารการประชุมครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคแต่ละชุด ซึ่งแต่ละชุดจะมีระยะการทำงาน 5 ปี
คณะกรรมการกลางแต่ละชุดเกิดจากการเลือกตั้งของที่ประชุมสมัชชาพรรคที่เปิดประชุมทุกๆ 5 ปีและมักจะเปิดประชุมกันครั้งแรก ทันทีที่การประชุมสมัชชาพรรคสิ้นสุดลง เพื่อกำหนดแนวยุทธศาสตร์การทำงานใน 5 ปีข้างหน้า หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ก่อนการเปิดประชุมสองสภา คือ สภาปรึกษาการเมืองประชาชน และสภาผู้แทนประชาชน ที่จัดประชุมใหญ่กันสมัยละ 5 ปีเช่นเดียวกัน คณะกรรมการกลางพรรคก็จะเปิดการประชุมครั้งที่ 2 กำหนดตัวบุคคลเข้ารับตำแหน่งในรัฐบาลที่เกิดจากที่ประชุมใหญ่สภาผู้แทนประชาชน หลังจากนั้นก็จะเตรียมการประชุมครั้งที่สามโดยศูนย์กลางพรรคจัดตั้งคณะทำงานร่างมติที่ประชุมสำหรับนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกลางพรรคต่อไป
คณะทำงานร่างมติครั้งนี้มี “สี จิ้นผิง” เป็นประธานที่เหลือก็เช่น หวังฮู่หนิงไช่ฉี และ ติงเซวียเสียง รวม 4 คน เมื่อร่างเสร็จแล้วก็นำเสนอต่อที่ประชุมกรมการเมืองซึ่งก็คือศูนย์กลางพรรคพิจารณา ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้นำร่างดังกล่าวเสนอต่อวงการต่างๆ ทั้งในและนอกพรรคพิจารณาเสนอข้อคิดเห็นหรือแก้ไขเพิ่มเติม
เมื่อครบถ้วนกระบวนความแล้ว คณะกรมการเมืองก็จะประชุมลงมติรับร่างมติอย่างเป็นทางการและประกาศกำหนดวันเวลาเปิดประชุมคณะกรรมการกลางชครั้งที่ 3กำหนดแนวทางการบริหารประเทศอย่างเป็นรูปธรรมตลอดระยะ 5 ปีของการดำรงอยู่
ส่วนการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งคือครั้งที่ 4 และ 5 ก็จะเป็นการประชุมติดตามการดำเนินงานที่กำหนดไว้ในที่ประชุมครั้งที่ 3 นี้เป็นสำคัญ
ในประวัติศาสตร์การทำงานของพรรคคอมมิวนิสต์จีน การประชุมครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางชุดที่ 11 นับเป็นหลักหมายของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศจีน เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของ “เติ้ง เสี่ยวผิง” ได้ปรับแนวการสร้างสังคมจีนจากการต่อสู้ทางชนชั้นมาเป็นการพัฒนาประเทศโดยถือเอาการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นพื้นฐาน ดำเนินโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศ ซึ่งหลังจากนั้นจีนก็ได้เชื่อมประสานตนเองเข้ากับระบบโลก อยู่ในฐานะผู้เต้นตามจังหวะโลกที่ตะวันตกชี้นำ
อีกครั้งหนึ่งของการประชุมลักษณะนี้ที่ส่งผลยาวไกลจนถึงปัจจุบัน และกำลังแสดงบทบาทส่งต่ออานุภาพยิ่งใหญ่ต่อไปอีกก็คือการประชุมครั้งที่ 3 ของชุดที่ 18 ที่มี “สี จิ้นผิง” เป็นผู้นํา โดยนำเสนอนโยบายปรับการปฏิรูปอย่างลึกซึ้งรอบด้านครั้งแรก ทำให้จีนผงาดขึ้นมาเป็นจ่าฝูงได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งทศวรรษ
ด้วยเหตุนี้การประชุมครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางชุดที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงไม่เพียงแต่จะชี้เป้าไปสู่อนาคตของจีนเท่านั้นหากแต่ยังจะโน้มนำให้ทั้งโลกคาดหวังไปในทางเดียวกัน นั่นคือจีนที่เข้มแข็ง มั่งคั่ง รุ่งเรือง
แล้วทุกฝ่ายก็จะปรับตัวเองเข้าสู่สังคมโลกยุคจีนรุ่งเรืองนี้อย่างขมีขมัน
กลายเป็นว่าทั้งโลกจะเต้นตามจังหวะการพัฒนาก้าวหน้าของจีนไปโดยปริยาย
ไขคำจีน
节奏。เจี๋ยโจ้ว จังหวะจะโคน