การพบกันระหว่าง หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และ มิคาอิล มิชูสติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ในการประชุมคณะหัวหน้ารัฐบาลของจีนและรัสเซีย เมื่อวันพุธที่ 21 ส.ค. 2024 ระบุว่าจีนและรัสเซีย จะทำงานร่วมกัน เพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการค้าทวิภาคี
ทั้งสองฝ่าย เห็นพ้องที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โครงสร้างการค้า สร้างจุดการเติบโตใหม่ สำหรับเศรษฐกิจ และปริมาณการค้าทวิภาคี รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาอีคอมเมิร์ซ การขยายความร่วมมือ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ในภูมิภาคอาร์กติก การพัฒนาการขนส่ง ความปลอดภัยของระบบนำทาง เทคโนโลยี และการต่อเรือสำรวจขั้วโลก
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8-9 กรกฎาคม 2024 นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ของอินเดีย ได้เดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ โดยมีประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ให้การต้อนรับ ท่ามกลางสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครน
ผู้นำจีนและรัสเซีย ย้ำถึงสายสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ที่มีมาอย่างยาวนาน รวมถึงความร่วมมือ ในปัจจุบันและอนาคต การเยือนรัสเซียของโมดีครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เริ่มดำรงตำแหน่ง สมัยที่สาม และที่สำคัญกว่านั้นคือ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทวีความรุนแรงขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022
การพบกันดังกล่าว จึงมีความสำคัญอย่างมาก ในเชิงสัญลักษณ์ประชาคมระหว่างประเทศ เพราะสหรัฐอเมริกา รวมถึงชาติยุโรป มีความคาดหวังต่อบทบาทของอินเดีย ในการให้ความร่วมมือกดดันรัสเซีย แต่การเดินทางเยือนรัสเซียของผู้นำอินเดีย ด้วยมิตรไมตรีสนิทสนม ของผู้นำจีนและรัสเซีย ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วแผ่นดินสหรัฐอเมริกา และชาติยุโรป
นักวิเคราะห์มองว่า ปัจจัยสำคัญการเคลื่อนไหว ของฝั่งอินเดียในรอบนี้ เพื่อก้าวสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ แบบรอบด้านกับจีนและรัสเซีย ซึ่งอินเดียมองว่า มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อดุลอำนาจ ทั้งในภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะในเวทีข้อตกลงพหุภาคี “บริกส์” ซึ่ง จีน อินเดีย และรัสเซีย ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
หลังการพบกันของผู้นำอินเดียและรัสเซียไม่กี่วัน วันพฤหัสบดี 25 ก.ค. 2024 หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ก็ได้พบกับ สุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีต่างประเทศของอินเดีย ในการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ สมาคมอาเซียน ที่ประเทศ สปปป.ลาว ทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน ถึงความจำเป็นที่จะต้องทำงานอย่างเร่งด่วน ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะบรรลุถึงการถอนกำลังทหารบริเวณชายแดน ออกห่างจากกัน อย่างสมบูรณ์ในเวลาเร็วที่สุด เพื่อสันติภาพในบริเวณพรมแดน และฟื้นฟูความสัมพันธ์อย่างเป็นปกติของทั้งสองประเทศ
คำแถลงของฝ่ายอินเดีย ระบุว่า รัฐมนตรีชัยศังกระ กล่าวถึงประเด็นปัญหาชายแดน ได้สร้างความร้าวฉาน เหนือสายสัมพันธ์ระหว่างอินเดีย-จีน ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางความพยายามของทั้งสองฝ่าย ที่จะแก้ไขคลี่คลายปัญหาดังกล่าว
ขณะที่ รัฐมนตรีหวัง เน้นย้ำว่า สายสัมพันธ์จีน-อินเดีย ที่ปรับปรุงยกระดับดีขึ้นนั้น เป็นผลประโยชน์สำหรับทั้งสองประเทศ รวมถึงประเทศอื่นๆ หวังยังกล่าวอีกว่า ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะทำงานด้วยกัน เพื่อธำรงรักษาสันติภาพ ในพื้นที่ชายแดน และผลักดันให้บังเกิดความก้าวหน้า โดยนายทหารระดับผู้บังคับบัญชา ของอินเดียและจีน ได้จัดการเจรจากันมาหลายรอบ ถึงการถอนกำลังทหาร ออกจากพื้นที่ตึงเครียดให้เร็วที่สุด
ความเคลื่อนไหวของ จีน รัสเซีย และ อินเดีย แสดงให้เห็นถึงการยกระดับ สายสัมพันธ์กลุ่มประเทศบริกส์ ซึ่งทั้ง 3 ประเทศ คือผู้นำการก่อตั้ง ร่วมกับบราซิลและแอฟริกาใต้ ในความร่วมมือด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถ และธรรมาภิบาล ของขั้วโลกยุคใหม่
