“…..มาถึงยุคปัจจุบัน พลังการผลิตโดยรวมของโลกได้ก้าวทะยานขึ้นสู่ระดับใหม่ที่ใช้วิทยาการปัญญาประดิษฐ์เป็นตัวนำ พลิกโฉมอุตสาหกรรมการผลิตเป็นแบบอัจฉริยะครบวงจร ทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ
จีนเข้าใจและปรับตัวเองให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์การขับเคลื่อนของประวัติศาสตร์ยุคใหม่นี้ได้ดีที่สุดยิ่งกว่าประเทศใด! นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมจีนจึงวางยุทธศาสตร์การสร้างชาติได้อย่างถูกต้องเหมาะเหม็งในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ก้มหน้าก้มตากัดฟันทน มาจนถึงเงยหน้าอ้าปาก และผงาดง้ำขึ้นมาชี้ทิศนำทางเพื่อนผองทั้งโลกมุ่งสู่อนาคต การเบียดขับกันระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนว่าถึงที่สุดจะต้องลงเอยกันที่จีนที่เป็นตัวแทนอนาคตจะพลิกขึ้นมาเป็นอำนาจกำหนดการขับเคลื่อนของกฎเกณฑ์ประวัติศาสตร์แทนสหรัฐฯและยุโรปโดยรวม อันเป็นการเปลี่ยนแปลงของอารยธรรมโลกครั้งใหญ่ยิ่ง ยิ่งกว่ายุคใดๆ…”
จับกฎเกณฑ์ ขับเคลื่อนทั้งโลก
掌握规律 驾驭全局
บทเขียนนี้ผู้เขียนขออนุญาตนำเสนอเรื่องที่เป็นหลักปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษเกี่ยวความขัดแย้งหลักและด้านหลักของความขัดแย้งมาแลกเปลี่ยนกับท่านผู้อ่านเป็นการเฉพาะในรูปของเหตุการณ์ทางประวัติศาศตร์ เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจในการขับเคลื่อนของสังคมโลกที่กำลังดำเนินไปอย่างหวือหวาน่าเวียนหัวเป็นอย่างยิ่งนี้
โดยภาพที่ปรากฏชัดเจนแล้วก็คือ จีนในฐานะตัวแทนปัจจัยการผลิตยุคใหม่ มีสถานภาพแข็งแกร่งมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจการผลิตมากที่สุดของโลก โดยอาศัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยียุคใหม่เป็นเครื่องบุกทะลวงอุปสรรคต่างๆ จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการผลิตแทบทุกด้าน ซึ่งปรากฎการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบร้อยปี ที่สังคมโลกจะมีการพัฒนาก้าวหน้าไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือการสร้างความทันสมัยร่วมกันในท่ามกลางการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เพื่อก้าวไปสู่อนาคตร่วมกันอย่างยั่งยืน อันเป็นที่พึงปรารถนาของมวลมนุษยชาติโดยรวมอย่างแท้จริง
เป็นไปได้หรือ?
หากเป็นอดีตก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากยังไม่เกิดเงื่อนไขที่จำเป็นคือระดับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่อำนวยให้เกิดการนวัตกรรมทางการผลิตยังไม่มากพอ พลังการผลิตของสังคมยังจำกัดอยู่ในกรอบอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและการผลิตซ้ำเป็นสำคัญ หนำซ้ำประเทศผู้นำการผลิตล้วนแต่พากับขับเคลื่อนอยู่ในกรอบความคิดแสวงผลประโยชน์เฉพาะตน อำนาจรัฐตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนที่ถือเอาทุนเป็นจุดเริ่มต้นและบั้นปลายของการตัดสินใจ
สถานการณ์โลกโดยรวมที่มีกลุ่มทุนกำหนด จึงเป็นไปในลักษณะแก่งแย่งแข่งขัน เบียดขับซึ่งกันและกัน จนกระทั่งเกิดเป็นสงครามโลกถึงสองครั้ง โดยที่ประชาชนชาวโลกโดยรวม ไม่เพียงไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควรเท่านั้น หากยังต้องทุกข์ทรมานกับภัยพิบัติต่างๆที่กลุ่มทุนก่อขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยสงครามและภัยธรรมชาติอันเป็นผลของการทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย
โดยสรุปคือ ในอดีตสังคมโลกยังไม่พร้อมสำหรับการพัฒนาไปด้วยกัน สร้างอนาคตร่วมกัน ทั้งทางวั ตถุคือพลังการผลิตและทางความคิดอุดมการณ์โดยเฉพาะของกลุ่มผู้นำการขับเคลื่อนสังคมในระดับองค์รวม
มาถึงยุคปัจจุบัน พลังการผลิตโดยรวมของโลกได้ก้าวทะยานขึ้นสู่ระดับใหม่ที่ใช้วิทยาการปัญญาประดิษฐ์เป็นตัวนำ พลิกโฉมอุตสาหกรรมการผลิตเป็นแบบอัจฉริยะครบวงจร ทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ
ควบคู่ไปด้วยกันนั้น กลไกการบริหารจัดการรัฐกิจในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนาเช่นจีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซียและอีกหลายประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกา ลาตินอเมริกา ได้กำหนดแนวการบริหารประเทศเพื่อประชาชน มุ่งพัฒนาประเทศเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นสำคัญ เกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านเศรษฐกิจและคุณภาพของคน
ทั้งหมดนี้ไดัสะท้อนให้เห็นถึงกฎเกณฑ์ประวัติศาสตร์ที่จะต้องขับเคลื่อนไปสู่อนาคตโดยไม่มีใครยับยั้งได้
แม้แต่การก่อสงครามก็จะทำไม่ได้!
เพราะไม่มีใครเล่นด้วย!
จีนเข้าใจและปรับตัวเองให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์การขับเคลื่อนของประวัติศาสตร์ยุคใหม่นี้ได้ดีที่สุดยิ่งกว่าประเทศใด!
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมจีนจึงวางยุทธศาสตร์การสร้างชาติได้อย่างถูกต้องเหมาะเหม็งในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ก้มหน้าก้มตากัดฟันทน มาจนถึงเงยหน้าอ้าปาก และผงาดง้ำขึ้นมาชี้ทิศนำทางเพื่อนผองทั้งโลกมุ่งสู่อนาคตร่วมกัน
นี่ก็คือเหตุผลสำคัญของการเบียดขับกันระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนว่าถึงที่สุดจะต้องลงเอยกันที่จีนที่เป็นตัวแทนอนาคตจะพลิกขึ้นมาเป็นอำนาจกำหนดการขับเคลื่อนของกฎเกณฑ์ประวัติศาสตร์แทนสหรัฐฯและยุโรปโดยรวม
อันเป็นการเปลี่ยนแปลงของอารยธรรมโลกครั้งใหญ่ยิ่ง ยิ่งกว่ายุคใดๆ
ไขคำจีน
驾驭 เจี้ยอวี้ ควบม้าขับเคลื่อน ควบคุมการขับเคลื่อน