“… เมื่อเร็วๆนี้ จีนก็ได้ดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่แต่อย่างเงียบเชียบอีกครั้งด้วยการออกประกาศชี้ชวนให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตโยกย้ายฐานการผลิตออกจากเขตชายฝั่งไปยังส่วนในของประเทศ โดยจะต้องโยกย้ายประเภทใช้แรงงานมากและเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานที่จะนำความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่างๆนอกเหนือจากเขตที่เจริญแล้ว ก็เห็นภาพแล้วว่า จีนต่อไปนี้จะหรูหราฟู่ฟ่าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ไล่ตั้งแต่มณฑลกุ้ยโจว กว่างซี ซื่อชวน หวินหนัน หูหนัน หูเป่ย เจียงซี อันฮุย ส่านซี เหอหนัน รวมทั้งนครฉงชิ่ง ที่มีแรงงานอุดมสมบูรณ์มาก ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมในท้องถิ่น บรรลุเป้าหมาย”มั่งคั่งร่วมกัน” ซึ่งก็ทำได้แน่ เพราะปัจจุบันจีนส่วนในได้เชื่อมตนเองเข้ากับตลาดโลกแล้วด้วยระบบ”หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” โดยเมืองส่วนในของจีนเกือบทั้งหมดได้กลายเป็น”เมืองท่า” ส่งออกและนำเข้าสินค้าโดยตรงผ่านทางรถไฟ ซึ่งจะมีผลยิ่งใหญ่ต่อชีวิตชาวจีนในระยะยาว เพราะประชาชนมีรายได้สูง และกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างแท้จริง ดูแล้วก็น่าอิจฉา ประเทศเขาใหญ่เช่นนี้ ประชากรมากเช่นนี้ แต่ก็ยังสามารถขับเคลื่อนตัวเองมาได้อย่างดียิ่ง และทั้งยังมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่อนาคตได้เป็นอย่างดีและอย่างยั่งยืน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความเก่งกาจปราดเปรื่องของคณะผู้นำ ระบบบริหารจัดการที่ทรงประสิทธิภาพ…”
รุ่งเรืองทั่วทุกแห่งหน 遍地繁荣
คนจีนกำลังสร้างฝันให้เป็นจริง!
ฝันที่หนึ่ง คนจีนหลุดพ้นจากความยากจนถ้วนหน้าแล้ว
ฝันที่สอง กำลังสร้างสังคมแห่งความมั่งคั่งร่วมกัน
ฝันที่สาม มุ่งสร้างความรุ่งเรืองไปทั่วแผ่นดินจีน ซึ่งก็คือการฟื้นฟูความรุ่งเรืองของประชาชาติจีนอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในกลางศตวรรษนี้
ดูแล้วก็น่าอิจฉา ประเทศเขาใหญ่เช่นนี้ ประชากรมากเช่นนี้ แต่ก็ยังสามารถขับเคลื่อนตัวเองมาได้อย่างดียิ่ง และทั้งยังมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่อนาคตได้เป็นอย่างดีและอย่างยั่งยืน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความเก่งกาจปราดเปรื่องของคณะผู้นำ ระบบบริหารจัดการที่ทรงประสิทธิภาพ ประสานกับความขยันขันแข็งของประชาชนชาวจีนทั้งประเทศ ที่มีจุดมุ่งหมายร่วมกันสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่ชาติจีนและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่ายุคใดๆ
เป้าหมายตั้งไว้แล้ว ทุกฝ่ายก็เดินหน้าปฏิบัติโดยไม่ต้องกลัวความผิดพลาดเพราะผลการปฏิบัติจะเป็นตัววัดความถูกต้องเอง
ความกล้ามาจากความเข้าใจ ความเข้าใจมาจากการปฏิบัติ เมื่ออยู่กับการปฏิบัติจึงไม่มีอะไรที่ไม่กล้าคิดกล้าทำ นี่คือสิ่งที่กำลังเป็นกระแสนำทางการขับเคลื่อนของประเทศจีนยุคใหม่
และเมื่อเร็วๆนี้ จีนก็ได้ดำเนินการเชิงยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ แต่อย่างเงียบเชียบอีกครั้งด้วยการออกประกาศชี้ชวนให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตโยกย้ายฐานการผลิตออกจากเขตชายฝั่งไปยังส่วนในของประเทศ โดยระบุชัดเจนว่าอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะต้องโยกย้ายจะต้องเป็นประเภทใช้แรงงานมากและเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานที่จะนำความเจริญไปสู่ภูมิภาคต่างๆนอกเหนือจากเขตที่เจริญแล้วทางชายฝั่งของประเทศจีน
แค่นี้ก็เห็นภาพแล้ว ประเทศจีนต่อไปนี้จะหรูหราฟู่ฟ่าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เขตเมืองใหญ่ชายฝั่งที่ปัจจุบันเบียดแซงหน้าความเจริญระดับโลกไปแล้วจะยิ่งทวีความเจริญรุดหน้าขึ้นไปอีก ด้วยโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิตพุ่งดิ่งขึ้นสู่ระดับสูงยิ่งขึ้นโดยปลอดจากความพะรุงพะรังของอุตสาหกรรมการผลิตแบบดั้งเดิม เพราะเมื่อมีการย้ายฐานการผลิตแบบดั้งเดิมออกไปแล้ว เขตเมืองใหญ่ชั้นนำระดับโลกก็สามารถระดมทรัพยากรทั้งเงินทุนและบุคลากรหัวกะทิเข้าสู่ระบบการผลิตเชิงนวัตกรรมนำโลกได้อย่างเต็มไม้เต็มมือ ขับเคลื่อนกระบวนการนวัตกรรมของพลังการผลิตระดับสูงที่มีความเป็นพลังการผลิตคุณภาพใหม่ระดับเอไอนำร่องให้แตกตัวไปทั่วทุกด้าน
ควบคู่ไปด้วยกันนั้น ความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคส่วนในของประเทศ ไล่ตั้งแต่มณฑลกุ้ยโจว กว่างซี ซื่อชวน หวินหนัน หูหนัน หูเป่ย เจียงซี อันฮุย ส่านซี เหอหนัน รวมทั้งนครฉงชิ่ง เป็นต้นที่มีแรงงานอุดมสมบูรณ์ก็สามารถรองรับการมาถึงของอุตสาหกรรมชั้นนำที่ต้องใช้แรงงานมาก จากฝั่งตะวันออกได้อย่างเต็มที่ ทำให้ประชาชนมีอาชีพใหม่ๆ มีรายได้ดีๆ กระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมในท้องถิ่นเกิดเป็นพลวัตขับเคลื่อนวงจรเศรษฐกิจภายในของจีนให้เป็นไปอย่างทั่วถึง เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนส่วนในของประเทศให้ทันเทียมกับเมืองใหญ่ชายฝั่งตะวันออกมากขึ้น บรรลุเป้าหมาย”มั่งคั่งร่วมกัน” ได้อย่างมีนัยสำคัญ
มาตรการเชิงยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่นี้ เมื่อพิจารณาจากมุมมองทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ก็ชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่า นี่คือการเตรียมรับกับวิกฤติอันอาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะสถานการณ์โดยรวมของโลกยังคุกรุ่นไปด้วยความขัดแย้ง โดยเฉพาะการคุกคามของสหรัฐอเมริกาที่จ้องจะเล่นงานจีนทุกรูปแบบ เพื่อมิให้จีนแซงหน้านำโลก
การย้ายฐานอุตสาหกรรมการผลิตที่จำเป็นไปไว้ส่วนในของประเทศจะทำให้จีนปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะถูกทำลายจนเป็นอัมพาต
นับเป็นยุทธศาสตร์”ป้องกันไว้จะดีกว่า”
อีกจุดหนึ่งที่ทางการจีนคำนึงถึง คือการย้ายฐานอุตสาหกรรมการผลิตพื้นฐานไปยังส่วนในของประเทศ ยังเป็นการป้องกันมิให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ไหลออกจากประเทศจีนไปยังประเทศอื่นๆที่มีความพร้อมทางด้านแรงงานและโลจิสติกส์ เช่นเวียดนาม ไทย อินโดนีเซีย เม็กซิโก เป็นต้น
ซึ่งก็ทำได้แน่ เพราะปัจจุบันจีนส่วนในได้เชื่อมตนเองเข้ากับตลาดโลกแล้วด้วยระบบ”หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” โดยเมืองส่วนในของจีนเกือบทั้งหมดได้กลายเป็น”เมืองท่า” ส่งออกและนำเข้าสินค้าโดยตรงผ่านทางรถไฟจีนลาว จีนพม่า จีนยุโรปแล้ว
สรุปคือมาตรการเชิงยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่แต่ดำเนินไปอย่างเงียบเชียบนี้ จะมีผลยิ่งใหญ่ต่อชีวิตชาวจีนในระยะยาว นั่นคือพวกเขาจะพากันเดินพาเหรดเข้าสู่ความเป็นประเทศที่ประชาชนมีรายได้สูง และกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างแท้จริง
ซึ่งก็เป็นความฝันของคนไทย มิใช่หรือ?
ไขคำจีน
遍地 เปี้ยนตี้ ทั่วทุกแห่งหน
