วันศุกร์, พฤศจิกายน 8, 2024
หน้าแรกคอลัมนิสต์สันติ ตั้งรพีพากร 陈俊泰“เหมาเจ๋อตง” “เติ้งเสี่ยวผิง” “สีจิ้นผิง”3 ผู้นำ “จับกระแสนำโลก”พาจีน “มั่งคั่ง” เป็นมหาอำนาจ

Related Posts

“เหมาเจ๋อตง” “เติ้งเสี่ยวผิง” “สีจิ้นผิง”3 ผู้นำ “จับกระแสนำโลก”พาจีน “มั่งคั่ง” เป็นมหาอำนาจ

“…จีนเคยรุ่งโรจน์และเคยตกต่ำ ด้วย”เหมาเจ๋อตง” คนจีนจึงสามารถ”ยืนขึ้น”ได้ ชื่อ”สาธารณะรัฐประชาชนจีน” จึงได้จุติขึ้นบนเวทีโลก หลุดพ้นจากแอกระบอบศักดินาและการครอบงำของมหาอำนาจต่างชาติ มีความเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง สามารถเดินหน้าพัฒนาสร้างสรรค์ชีวิตใหม่อันสดใสตามใจปรารถนาได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปี ต่อมาในยุคเติ้งเสี่ยวผิง จีนได้พัฒนาประเทศจีนอย่างขนานใหญ่ส่งผลให้เกิดระบอบสังคมนิยมอัตลักษณ์จีนและระบบเศรษฐกิจตลาดสังคมนิยมอันแข็งแกร่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ผลคือคนจีนเริ่ม”มั่งคั่ง” ขึ้นมาแล้ว และในยุคปัจจุบัน ภายใต้การนำของสีจิ้นผิง กำลังจับกระแสที่ทุกอย่างบนโลกใบนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยียุคใหม่เป็นหัวหอก ดำเนินไปในลักษณะ”ตะวันออกลอยสูง ตะวันตกคล้อยต่ำ” สีจิ้นผิงไม่รีรอที่จะนำประเทศจีนก้าวทะยานขึ้นสู่ความเป็นมหาอำนาจชั้นนำของโลก โดยกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจีนจะกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งชั้นนำรอบด้านภายในปีคศ.2035 “3ฉาก3ยุค” ของประวัติการพัฒนาของจีนนี้ ตอกย้ำว่า กลุ่มคณะผู้นำประเทศที่สามารถบันดาลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อประเทศชาติและประชาชนนั้น จะต้องมีคุณสมบัติพื้นฐานประการหนึ่งคือ ความมีวิสัยทัศน์ มีสายตายาวไกล…”

จับกระแสนำโลก 掌握潮流 引领世界

จีนเคยรุ่งโรจน์และเคยตกต่ำ โดยเฉพาะความตกต่ำอย่างหนักเมื่อเทียบกับความเจริญรุ่งเรืองของกลุ่มประเทศทุนนิยมตะวันตกในช่วงอารยธรรมอุตสาหกรรมเบ่งบานตั้งแต่กลางศตวรรษที่19เป็นต้นมา

ความตกต่ำทำให้คนจีนคิดหาทางออก โดยเฉพาะในหมู่ปัญญาชนรักชาติ และแล้วภายหลังความพยายามอย่างหนักในการแสวงหาทางออกอย่างต่อเนื่องยาวนานจนถึงต้นศตวรรษที่20 ก็สามารถจับกระแสพัฒนาการของประวัติศาสตร์ที่การปฏิวัติกำลังอยู่ในกระแสสูง ยึดเอาลัทธิมาร์กซ์-เลนินที่พิสูจน์แล้วว่าถูกต้องมาชี้นำการต่อสู้ ดำเนินการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธของประชาชน และสร้างฐานที่มั่น ในที่สุดก็ยกระดับการต่อสู้เป็นสงครามประชาชน และนวัตกรรมองค์ความรู้จากการปฏิบัติเป็น”ความคิดเหมาเจ๋อตง” ปลดปล่อยประเทศจีนได้สำเร็จ

ด้วยความทุ่มเทเสียสละของชาวพรรคคอมมิวนิสต์และประชาชนชาวจีน ภายใต้การชี้นำของ”ความคิดเหมาเจ๋อตง” คนจีนจึงสามารถ”ยืนขึ้น” ได้ ประเทศจีนใหม่นาม”สาธารณะรัฐประชาชนจีน” จึงได้จุติขึ้นบนเวทีโลก

ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ว่า นับเป็นครั้งแรกที่ประชาชนจีนสามารถลุกขึ้นยืนได้ หลุดพ้นจากแอกระบอบศักดินาและการครอบงำของมหาอำนาจต่างชาติ มีความเป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง สามารถเดินหน้าพัฒนาสร้างสรรค์ชีวิตใหม่อันสดใสตามใจปรารถนาได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปี

อันเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการสร้างชาติอย่างยิ่งใหญ่ของจีนยุคปัจจุบัน

ในห้วงของการพัฒนาสร้างสรรค์ชีวิตใหม่ เติ้งเสี่ยวผิงสามารถจับกระแสนำของโลกหลังยุคลัทธิล่าอาณานิคมล่มสลาย ประเทศเกิดใหม่ต่างมุ่งแสวงหาเส้นทางการพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า หลุดพ้นจากความล้าหลังยากจน ซึ่งสันติภาพคือสิ่งที่พวกเขาถวิลหา

เติ้งเสี่ยวผิงสรุปปรากฏการณ์ที่สะท้อนกฎเกณฑ์กระแสประวัติศาสตร์นี้ว่า”สันติภาพและการพัฒนา” คือกระแสนำการขับเคลื่อนของประวัติศาสตร์ การกำหนดแนวทางนโยบายต่างๆล้วนต้องสอดคล้องกับกฎเกณฑ์นี้

ด้วยปัญญาชี้นำนี้ จีนเดินหน้าเปิดประเทศและปฏิรูประบบ โครงสร้างกลไกการขับเคลื่อนทุกมิติ ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ชูธง” ทฤษฎีเติ้งเสี่ยวผิง” ดำเนินการพัฒนาประเทศจีนอย่างขนานใหญ่ส่งผลให้เกิดระบอบสังคมนิยมอัตลักษณ์จีนและระบบเศรษฐกิจตลาดสังคมนิยมอันแข็งแกร่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การวิวัฒนาการของอารยธรรมโลก

ระบอบสังคมนิยมอัตลักษณ์จีนและเศรษฐกิจตลาดสังคมนิยมได้ส่งให้จีนเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนเป็นที่อัศจรรย์ใจของคนทั้งโลก

ผลคือคนจีนเริ่ม”มั่งคั่ง” ขึ้นมาแล้ว

จีนในยุคปัจจุบัน ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีสีจิ้นผิงเป็นแกนนำ กำลังจับกระแสประวัติศาสตร์ที่ทุกอย่างบนโลกใบนี้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบร้อยปี โดยมีวิทยาศาสตร์เทคโนโลยียุคใหม่เป็นหัวหอก

โดยกระแสประวัติศาสตร์ในห้วงดังกล่าวกำลังดำเนินไปในลักษณะ”ตะวันออกลอยสูง ตะวันตกคล้อยต่ำ”

ในบริบทการขับเคลื่อนของประวัติศาสตร์นี้ สีจิ้นผิงไม่รีรอที่จะนำประเทศจีนก้าวทะยานขึ้นสู่ความเป็นมหาอำนาจชั้นนำของโลก โดยกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าจีนจะกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งชั้นนำรอบด้านภายในปีคศ.2035

ท้้งนี้ กรอบการมองของสีจิ้นผิงครอบคลุมไปทั้งโลก โดยเล็งเห็นถึงบทบาทนำร่องของจีนที่จะมีต่อสังคมโลกโดยรวม โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จึงได้นำเสนอข้อริเริ่มจำนวนมากออกสู่เวทีโลก เช่นการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ การร่วมกันพัฒนาทั้งโลก การร่วมกันสร้างความมั่นคงทั้งโลก และการร่วมกันสร้างอารยธรรมใหม่ของโลกเป็นต้น โดยมีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางและเป็นระบบ ประสานไปกับการดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างแข็งขัน ซึ่งนับเป็นหัวใจของ”ความคิดทฤษฎีสีจิ้นผิง” เลยทีเดียวก็ว่าได้

“3ฉาก3ยุค” ของประวัติการพัฒนาของจีนที่ผู้เขียนนำเสนอมานี้ เพื่อตอกย้ำอีกครั้งว่า กลุ่มคณะผู้นำประเทศที่สามารถบันดาลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อประเทศชาติและประชาชนนั้น จะต้องมีคุณสมบัติพื้นฐานประการหนึ่งคือ ความมีวิสัยทัศน์ มีสายตายาวไกล
เข้าถึงกระแสหลักการขับเคลื่อนของสังคมโลก แล้วพาประชาชนพัฒนาสร้างสรรค์ชีวิตให้ดีขึ้นอย่างรอบด้าน ซึ่งสำหรับประเทศจีนแล้ว ก็ได้ปรากฏออกมาอย่างชัดแจ้งแล้วว่า คณะผู้นำของเขามีการพัฒนายกระดับบุคลิกภาพเช่นนี้ขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายในท่ามกลางการเคลื่อนไหวปฏิบัติทั้งในช่วงการต่อสู้ปฏิวัติและการพัฒนาประเทศ

ประกอบกับความเป็นประเทศใหญ่ มีอารยธรรมรุ่งเรืองหลายพันปี ทำให้ความสำเร็จต่างๆของจีนส่งผลกระทบไปทั่วทั้งโลก

จากนี้ จึงเป็นฐานการวินิจฉัยของผู้เขียนที่ว่า สังคมโลกยุคจีนรุ่งเรืองอีกครั้งนี้ มีแต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามการพัฒนาก้าวหน้าของจีนที่ถือว่าทั้งโลกต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ก้าวไปสู่ความทันสมัยร่วมกัน

ไขคำจีน
潮流 ฉาวหลิว กระแส

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts